KEY
POINTS
วันนี้ (1 ธันวาคม 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเป็นประธานในงานมอบนโยบาย การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในเวลา 10.00 น. ให้กับหัวหน้าหน่วยงานทุกหน่วยงานทั่วประเทศ
ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำคำของบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ส่งมาให้กับสำนักงบประมาณพิจารณาต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประชุมพิจารณากำหนดวงเงิน งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2570 ร่วมกับ 4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2570 วงเงิน 3.788 ล้านล้านบาท
สำหรับกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2570 เป็นไปตาม แผนการคลังระยะปานกลาง ปี 2569 – 2573 มีวงเงินงบประมาณรายจ่ายอยู่ที่ 3.788 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปีก่อน 0.2% โดยการจัดทำงบประมาณปีนี้ยังเป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล วงเงิน 7.88 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 3.9% ต่อจีดีพี ลดลงจากปีก่อนที่ขาดดุลงบประมาณ 4.4% และมีแนวโน้มที่จะลดการขาดดุลลงต่อเนื่องภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้าให้เหลือไม่เกิน 3%
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2570 ว่า นายกฯ มีความกังวลเรื่องกรอบเวลา จึงได้เร่งรัดปฏิทินงบประมาณให้เร็วขึ้น จากปกติงบประมาณจะผ่านครม. ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ก็เร่งรัดเสนอครม.ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2569 ก่อนที่จะมีการยุบสภา เพื่อป้องกันปัญหาสุญญากาศทางการเมือง
โดยรัฐบาลจะพยายามเร่งรัดการจัดทำงบประมาณปี 2570 ออกทันใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2569 หรือในกรณีล่าช้าที่สุด จะไม่เกิน 15-30 วัน
สำหรับ วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ที่ผ่านมาได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมครม. แล้ว โดยได้กำหนดนโยบายงบประมาณขาดดุลสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 จำนวน 788,000.0 ล้านบาท ทำให้มีวงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน 3,788,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่กำหนดไว้ 3,780,600 ล้านบาท เป็นจำนวน 7,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนสมมติฐานทางเศรษฐกิจ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2570 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวในช่วง 2.1 – 3.1% (ค่ากลาง 2.6%) ปรับตัวดีขึ้นจาก 1.7% ในปีก่อนหน้า ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ซึ่งคาดว่าจะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปี 2570 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 0.4 – 1.4% (ค่ากลาง 0.9%) และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุล 1.9% ต่อ GDP
ประมาณการรายได้รัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 คาดว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้รวม จำนวน 3,584,300 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อหักการคืนภาษีของกรมสรรพากร อากรถอนคืนกรมศุลกากร การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด การกันเงินเพื่อชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออก และการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คงเหลือรายได้สุทธิ จำนวน 3,000,000 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการรายได้สุทธิปีงบประมาณ 2569 จำนวน 2,920,600 ล้านบาท เป็นจำนวน 79,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.7%
สาระสำคัญของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 จำนวน 3,788,000.0 ล้านบาท ดังนี้
1.โครงสร้างงบประมาณรายจ่าย ประกอบด้วยประมาณการรายจ่าย ดังต่อไปนี้
(1) รายจ่ายประจำ จำนวน 2,777,443 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 122,800.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.6% และคิดเป็นสัดส่วน 73.3% ของวงเงินงบประมาณรวม เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมีสัดส่วน 70.2%
(2) รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 71,037 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 52,504.1 ล้านบาท หรือลดลง 42.5% และคิดเป็นสัดส่วน 1.9% ของวงเงินงบประมาณรวม ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมีสัดส่วน 3.3%
(3) รายจ่ายลงทุน จำนวน 788,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73,736.3 ล้านบาท หรือลดลง 8.6% และคิดเป็นสัดส่วน 20.8% ของวงเงินงบประมาณรวม ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมีสัดส่วน 22.8%
(4) รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 151,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 320 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.2% และคิดเป็นสัดส่วน 4% ของวงเงินงบประมาณรวม เท่ากับปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
2. รายได้สุทธิ จำนวน 3,000,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 79,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.7%
3. งบประมาณขาดดุล จำนวน 788,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 72,000 ล้านบาท หรือลดลง 8.4% และคิดเป็นสัดส่วน 3.9% ของ GDPลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมีสัดส่วน 4.4%