KEY
POINTS
นายวิทวัส ล่ำซำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) โดยการลดต้นทุน เพื่อเพิ่มรายได้
โดยผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ Business Development Service (BDS) หรือ SME ปัง ตังได้คืน ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำให้ SME ไทยเข้าถึงบริการคุณภาพได้ง่ายขึ้น ต้นทุนลดลง และยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินงานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565–2568 โดยมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนรวมกว่า 30,000 ราย และยืนยันตัวตนบนระบบ BDS แล้วกว่า 9,100 ราย แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้บริการพัฒนาธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นของ SME ไทย
ขณะเดียวกัน สสว. ยังสนับสนุนงบประมาณรวมมากกว่า 260 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนการปรับปรุงธุรกิจในหลากหลายด้าน เช่น มาตรฐานสินค้า การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยี การขยายโอกาสทางการตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย
อย่างไรก็ดี ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาระบบ BDS ได้รับการพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มกลางที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการกับหน่วยงานผู้ให้บริการทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ ผ่านบริการที่เปิดให้ผู้ประกอบการ SME ได้เลือกกว่า 1,000 บริการ จากผู้ให้บริการทางธุรกิจ (BDSP) จำนวนมากกว่า 285 หน่วยงาน ครอบคลุมหน่วยงานรัฐ สถาบันเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ที่ยื่นข้อเสนอเพื่อการพัฒนาธุรกิจของตนได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 4,538 รายการ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ผู้ประกอบการกว่า 6,000 ล้านบาท
สำหรับปีงบประมาณ 2569 สสว. ได้รับอนุมัติงบประมาณรวม 300 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 3,000 ราย และจะมุ่งขยายบริการ โดยเฉพาะในกลุ่ม Health & Wellness, Creative & Lifestyle และ Green Business พร้อมเปิดโอกาสหน่วยให้บริการทางธุรกิจบริการภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถขึ้นทะเบียนและเปิดให้บริการได้ และเตรียมเปิดโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนของ SME ไทยอย่างตรงจุด พร้อมเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี การตลาดดิจิทัล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาธุรกิจตามแนวคิด Green & Sustainable
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายความร่วมมือด้านการตลาดผ่านงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุน SME ไทยให้มีศักยภาพและก้าวสู่เวทีสากลได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็วและการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น