อธิบดีสรรพากร สั่งย้าย-ตั้งกรรมการสอบนักตรวจภาษี ปมรีดเงิน 8 แสน

27 พ.ย. 2568 | 05:16 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2568 | 06:09 น.

อธิบดีสรรพากรลงนามคำสั่งย้ายและแขวน “นักตรวจสอบภาษี” ทันที หลังถูก ปปป. – ป.ป.ช. – ป.ป.ท. ซ้อนจับขณะรับเงิน 1 หมื่น แลกยุติคดีภาษี 8 แสน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและอาญาเต็มรูปแบบ

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งย้าย แขวน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นายชิตพล อายุ 33 ปี นักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8

หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วางแผนเข้าจับกุมในข้อหาทุจริตเรียกรับสินบนจากผู้ประกอบการ

การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มอบหมายให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)

ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. วางแผนซ้อนจับกุมที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 8 ภายในอาคารทวินันท์บิลดิ้ง ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 104/2568 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพแห่งหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. ว่า ถูกเจ้าหน้าที่สรรพากรคนดังกล่าวเรียกรับเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการยุติการตรวจสอบภาษีประจำปี 2566–2567 ที่พบว่าบริษัทมีภาษีและค่าปรับรวมกว่า 800,000 บาท โดยอ้างว่าหากจ่ายเงินใต้โต๊ะจะช่วย “เคลียร์เรื่องให้จบ”

บริษัทผู้เสียหายต่อรองเหลือเพียง 50,000 บาท และจ่ายงวดแรก 40,000 บาท ก่อนเกิดความสงสัยและเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ ปปป. เพื่อขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาล พร้อมวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินอีก 10,000 บาทไปส่งมอบเป็นหลักฐาน ก่อนเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง

ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ”