KEY
POINTS
วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานหนี้สินครัวเรือนไตรมาสสอง ปี 2568 ลดลงตามการหดตัวของสินเชื่อสถาบันการเงิน ส่งผลให้สัดส่วน หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลง ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนยังต้องเฝ้าระวัง
โดยมีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ การเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้บ้านก่อนการบังคับคดี การสนับสนุนการเข้าถึง แหล่งสินเชื่อสำหรับครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัย "ปิดหนี้ไว ไปต่อได้" รวมทั้งและหาแนวทางให้ครอบคลุมลูกหนี้กลุ่ม Non-bank
ทั้งนี้ ไตรมาสสอง ปี 2568 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 16.31 ล้านล้านบาท ลดลง 0.3% จากความระมัดระวัง ในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เนื่องจากครัวเรือนมีคุณภาพสินเชื่อแย่ลง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ที่ 86.8% จาก 87.1% ของไตรมาสหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 นับตั้งแต่ไตรมาสหนึ่งปี 2567
ขณะที่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) จากข้อมูลเครดิตบูโร มีมูลค่า 1.24 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวม ร้อยละ 9.11 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.78 ของไตรมาสที่ผ่านมา และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในทุกประเภทสินเชื่อ
ทั้งนี้ การยกเว้นสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ขยายตัว 1.7% จากปัจจัยกระตุ้น คือ มาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยชั่วคราว (LTV) และการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและ จดจำนอง รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางลดลง
ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล ขยายตัวเร่งขึ้นจาก 3.8% ในไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 เป็น 4.1% ในปัจจุบัน
ขณะที่ สินเชื่อเพื่อยานยนต์ ยังหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน โดยปัจจุบันหดตัว 9.6% ตามจำนวนยอดจำหน่ายรถยนต์ส่วนบุคคลที่ลดลงตั้งแต่ปี 2566 เช่นเดียวกับ สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ที่หดตัว 2.6% และ 0.2% ตามลำดับ
นอกจากนั้นยังพบว่า ยอดยึดทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 210% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว เป็นยอดยึดทรัพย์บ้านและคอนโด โดยเฉพาะบ้านและคอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท