คนไทยอ่วม! แบกหนี้ NPL แตะ 1.24 ล้านล้าน โดนยึดบ้านต่ำล้าน 210%

24 พ.ย. 2568 | 03:34 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2568 | 04:28 น.

สภาพัฒน์ฯ เผยไตรมาส 2 หนี้ครัวเรือนเหลือ 16.31 ล้านล้านบาท ลดลง 0.3% ดันสัดส่วนต่อ GDP ลงเหลือ 86.8% ด้านหนี้ NPL แตะ 1.24 ล้านล้านบาท ยอดยึดทรัพย์พุ่งแรง โดยเฉพาะบ้าน-คอนโดต่ำกว่า 1 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • หนี้เสีย (NPL) ของครัวเรือนไทยในไตรมาส 2 ปี 2568 มีมูลค่าสูงถึง 1.24 ล้านล้านบาท
  • ยอดการยึดทรัพย์สิน โดยเฉพาะบ้านและคอนโด เพิ่มสูงขึ้น 210% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • สัดส่วนหนี้ NPL ต่อสินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 9.11% และเป็นการเพิ่มขึ้นในสินเชื่อทุกประเภท

วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานหนี้สินครัวเรือนไตรมาสสอง ปี 2568 ลดลงตามการหดตัวของสินเชื่อสถาบันการเงิน ส่งผลให้สัดส่วน หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลง ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนยังต้องเฝ้าระวัง 

โดยมีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ การเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้บ้านก่อนการบังคับคดี การสนับสนุนการเข้าถึง แหล่งสินเชื่อสำหรับครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัย "ปิดหนี้ไว ไปต่อได้" รวมทั้งและหาแนวทางให้ครอบคลุมลูกหนี้กลุ่ม Non-bank 

ทั้งนี้ ไตรมาสสอง ปี 2568 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 16.31 ล้านล้านบาท ลดลง 0.3% จากความระมัดระวัง ในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เนื่องจากครัวเรือนมีคุณภาพสินเชื่อแย่ลง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ที่ 86.8% จาก 87.1% ของไตรมาสหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 นับตั้งแต่ไตรมาสหนึ่งปี 2567

ขณะที่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) จากข้อมูลเครดิตบูโร มีมูลค่า 1.24 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวม ร้อยละ 9.11 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.78 ของไตรมาสที่ผ่านมา และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในทุกประเภทสินเชื่อ

ทั้งนี้ การยกเว้นสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ขยายตัว 1.7% จากปัจจัยกระตุ้น คือ มาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยชั่วคราว (LTV) และการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและ จดจำนอง รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางลดลง 

ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล ขยายตัวเร่งขึ้นจาก 3.8% ในไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 เป็น 4.1% ในปัจจุบัน 

ขณะที่ สินเชื่อเพื่อยานยนต์ ยังหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน โดยปัจจุบันหดตัว 9.6% ตามจำนวนยอดจำหน่ายรถยนต์ส่วนบุคคลที่ลดลงตั้งแต่ปี 2566 เช่นเดียวกับ สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ที่หดตัว 2.6% และ 0.2% ตามลำดับ

นอกจากนั้นยังพบว่า ยอดยึดทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 210% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว เป็นยอดยึดทรัพย์บ้านและคอนโด โดยเฉพาะบ้านและคอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท