ผ่า 20 โครงการ Quick Big Win รัฐบาล กระจายคนไทยครบ 65 ล้านคน

20 พ.ย. 2568 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2568 | 03:47 น.

ผ่าลึก 20 โครงการ Quick Big Win รัฐบาล ผ่านเป้าหมาย กระจายดูแลคนไทยครบทุกกลุ่ม  65 ล้านคน ทั้งหมดจะถูกผลักดันให้ออกมาเห็นผลภายใน 4 เดือน ก่อนประกาศยุบสภา

KEY

POINTS

  • รัฐบาลผลักดัน 20 โครงการ Quick Big Win เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือน (ต.ค. 68 - ม.ค. 69) ก่อนยุบสภา
  • นโยบายมีเป้าหมายครอบคลุมประชาชนทั้ง 65 ล้านคน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มตามรายได้ (น้อย, ปานกลาง, สูง) พร้อมมาตรการช่วยเหลือที่แตกต่างกัน
  • โครงการสำคัญที่ถูกผลักดัน ได้แก่ การเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการคนละครึ่งพลัส, มาตรการแก้หนี้ และมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศนโยบาย Quick Big Win ภายใต้ความหวังกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว พร้อมทั้งทยอยออกมาตรการด้านเศรษฐกิจอย่าวต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ไล่ตั้งแต่โครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง และมาตรการอื่น ๆ ตามมาอีกหลายโครงการ

ล่าสุดรัฐบาลได้กำหนดไทม์ไลน์การขับเคลื่อนมาตรการทางด้านเศรษฐกิจผ่านโครงการที่สำคัญ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2569 และได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ แล้ว โดยเป็นโครงการที่จะต้องผลักดันออกมาให้สำเร็จในช่วง 4 เดือนก่อนยุบสภา รวมทั้งสิ้น 20 โครงการ

สำหรับภาพรวมโครงการทั้งหมดตามไทม์ไลน์ของรัฐบาล มีดังนี้

เดือนตุลาคม 2568

1.โครงการเติมวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านการเติมเงินให้ครั้งละ 850 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2568ใช้เงินงบประมาณ 22,780 ล้านบาท ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยจำนวน 13.4 ล้านคน 

2.โครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการแล้ว อยู่ระหว่างการใช้สิทธิ์ของประชาชนและร้านค้า โดยให้รัฐบาลโอนลงไปยังแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริหารคนละ 2,000-2,400 บาท ใช้เงินงบประมาณ 44,000 ล้านบาท

3.มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เที่ยวดีมีคืน ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการแล้ว อยู่ระหว่างการใช้สิทธิ์ของประชาชนและผู้ประกอบการ

4.มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ Front Load ด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา

5.มาตรการส่งเสริมพลังงานสะอาด ของกระทรวงพลังงาน เช่น โซลาร์เพื่อประชาชน และระบบพลังงานรองรับอุตสาหกรรม เป็นต้น

เดือนพฤศจิกายน 2568

1.มาตรการแก้หนี้ประชาชน ที่มีภาระหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท ผ่านกลไกการบริหารหนี้เสีย (AMC) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจแล้ว

2.มาตรการของกระทรวงพาณิชย์  ทั้ง การดูแลค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตร ถิ่นกำเนิดสินค้า และการตรวจสอบนิติบุคคล ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจแล้ว

3.โครงการ Upskill หรือ Reskill ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส จะได้รับเงินสนับสนุน 2,000 บาท ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจแล้ว

4.โครงการยกระดับทักษะด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อคนไทย มีเป้าหมายให้คนไทย 5 ล้านคน ใช้งาน AI ฟรี 1 ปี ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจแล้ว

5.มาตรการส่งเสริม SMEs โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร และกรมศุลกากร โดยเตรียมเสนอเข้ามายังครม.เศรษฐกิจ ครั้งหน้า

6.มาตรการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเตรียมเสนอเข้ามายังครม.เศรษฐกิจ ครั้งหน้า

7.มาตรการกระทรวงพลังงาน โดยเตรียมเสนอเข้ามายังครม.เศรษฐกิจ ครั้งหน้า

8.มาตรการการคลังเพื่อวางรากฐาน โดยเตรียมเสนอเข้ามายังครม.เศรษฐกิจ ครั้งหน้า

9.มาตรการการลงทุนเพื่ออนาคต โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเตรียมเสนอครม.เศรษฐกิจสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้

10.โครงการ Business Transformation ของธนาคารแห่งประเทศไทย ล่าสุดอยู่ระหว่างการร่างแผนและเตรียมเสนอครม.เศรษฐกิจสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้

เดือนธันวาคม 2568

1.สลากเพื่อการออม  โดยกระทรวงการคลัง  ล่าสุดอยู่ระหว่างการหารือและร่างแผน ก่อนจะเสนอครม.เศรษฐกิจ ในสัปดาห์แรกของเดือนนี้

2.พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการออม โดยกระทรวงการคลัง  ล่าสุดอยู่ระหว่างการหารือและร่างแผน ก่อนจะเสนอครม.เศรษฐกิจ ในสัปดาห์แรกของเดือนนี้

3.โครงการ Thailand Individual Account (TISA) หรือบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ล่าสุดอยู่ระหว่างการหารือและร่างแผน ก่อนจะเสนอครม.เศรษฐกิจ ในสัปดาห์แรกของเดือนนี้เช่นดัน

4.การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อติดตามผลเชิงนโยบาย ของรัฐบาล ครอบคลุมด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ และการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจ ล่าสุดมีการสร้าง Analytics Dashboard แล้ว โดยจะเสนอเข้ามาให้ ครม.เศรษฐกิจ รับทราบต่อไป

เดือนมกราคม 2569

1.โครงการคนละครึ่งเฟส 2 (Upskill / Reskill) ซึ่งขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ อยู่ระหว่างการหารือรายละเอียดและเริ่มร่างแผนการดำเนินโครงการแล้ว ก่อนจะสรุปและเสนอมายังครม.เศรษฐกิจ ต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนนี้

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า การดำเนินนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล จะความครอบคลุมในการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม 65 ล้านคน โดยแบ่งประชาชนออกเป็น 3 กลุ่มหลักตามระดับรายได้ ประกอบด้วย กลุ่มรายได้น้อย กลุ่มรายได้ปานกลาง และกลุ่มรายได้สูง โดยประชาชนแต่ละกลุ่มได้รับ มาตรการสนับสนุนที่เหมาะสมกับบริบทของตน ดังนี้

กลุ่มรายได้น้อยได้

กลุ่มนี้มีด้วยกัน 35 ล้านคน จะได้รับการช่วยเหลือผ่านโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 โครงการคนละครึ่งพลัส สลากเพื่อการออมมาตรการดูแลค่าครองชีพ และมาตรการดูแลสินค้าเกษตร เป็นต้น

กลุ่มรายได้ปานกลาง

กลุ่มนี้มีด้วยกัน 20 ล้านคน จะได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว การแก้หนี้เสียภาคครัวเรือน (ซื้อหนี้ผ่านกลไก AMC) โครงการเพิ่มสภาพคล่อง/ส่งเสริม SMEs มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว เป็นต้น

กลุ่มรายได้สูง

กลุ่มนี้มีด้วยกัน 10 ล้านคน จะได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการที่สำคัญ เช่น มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก (Renovate) มาตรการของระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น 

“การดำเนินมาตรการและโครงการทั้งหมดนี้ รัฐบาลตั้งใจผลักดันนโยบายที่ครอบคลุมประชาชนกว่า 65 ล้านคน เพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป”