KEY
POINTS
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ นาย Anand Stanley ประธานและหัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก และคณะผู้บริหาร Airbus เข้าหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรมการบิน โดยรัฐบาล ได้ชักชวน Airbus เข้ามาลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท อีกครั้ง
“รัฐบาลได้นำเสนอความร่วมมือด้านการลงทุนในระเทศไทยหลายประเด็น โดยเฉพาะในเรื่องของการกลับมาพิจารณาลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยคิดว่าจะมีการตั้งศูนย์ซ่อมที่อู่ตะเภา แต่หลังจากเกิดโควิด-19 ก็เงียบหายไป จึงได้เชิญชวนทางบริษัท Airbus ให้กลับมาพิจารณาโครงการนี้อีกครั้ง ซึ่งทางผู้บริหารก็ขอกลับไปพิจารณา” นายพิพัฒน์ ระบุ
สำหรับการชักชวนให้กลับมาลงทุนศูนย์ซ่อมอากาศยานในสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นโครงการที่ยังค้างอยู่ของแผนการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC นั้น จะยังใช้รูปแบบการร่วมทุนกับบริษัทในไทยอีกหรือไม่ นายพิพัฒน์ ยอมรับว่า Airbus ก็อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ประกอบการ
ส่วนการจัดเตรียมสิทธิประโยชน์ให้หรือไม่นั้น ก็คงต้องรอให้เรื่องนี้ Airbus ติดต่อกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทาง EEC ก็มีสิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้อยู่แล้ว
“หากมีศูนย์ซ่อมตรงนี้ การที่ประเทศไทยจะเป็น Aviation Hub ก็เกิดง่ายขึ้น อย่างน้อยที่สุดเครื่องบินที่มาแวะประเทศไทยก็สามารถมาใช้บริการได้ และเป็นการเร่งให้เราเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคให้เร็วยิ่งขึ้น และผลักดัน Aviation Hub ของไทยทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้” นายพิพัฒน์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ทาง Airbus ยังได้เสนอให้ผู้ประกอบการในไทยสั่งเครื่องบินของ Airbus มากยิ่งขึ้น โดยได้แจ้งไปว่า ส่วนใหญ่นอกเหนือจากบริษัท การบินไทย แล้ว สายการบินที่บินในประเทศไทยส่วนใหญ่ก็ใช้เครื่องบินของ Airbus แต่หากต้องการให้มีการพัฒนาไปไกลกว่านี้หรือมากกว่านี้ การพิจารณากลับมาลงทุนในศูนย์ซ่อมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสำคัญที่อาจทำให้สายหารบินในไทยร่วมมือกับ Airbus มากขึ้น
พร้อมกันนี้รัฐบาลยังได้ขอให้ทาง Airbus พิจารณาซัพพลายเชน โดยเฉพาะอะไหล่เครื่องบินต่าง ๆ ที่ประกอบในไทย ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นซัพพลายเชน โดยผู้ประกอบการในไทยมีฝีมือในการผลิตไม่ได้น้อยกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค จึงอยากให้ Airbus เข้ามาเลือกผู้ผลิตจากประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
รองนายกฯ กล่าวว่า ยังมีอีกประเด็นที่เสนอไปยังผู้บริหารของ Airbus คือนอกจากต้องการให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น แล้วยังขอให้ Airbus ถ่ายทอดและฝึกอบรมเทคโนโลยีในเรื่องของอากาศยานให้กับประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้เมื่อถามถึงการให้ความมั่นใจด้านการดึงดูดการลงทุนกับ Airbus ในช่วงที่ไทยกำลังเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ นั้นจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ รองนายกฯ ยอมรับว่า ในส่วนของการสั่งซื้อเครื่องบิน รัฐบาลแทรกแซงไม่ได้เพราะเป็นธุรกิจของภาคเอกชน ซึ่งเอกชนจำเป็นต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะซื้อเครื่องบินจากบริษัทของสหรัฐฯ หรือยุโรป