‘เอกนิติ’ แก้หนี้เสียเกษตร 8 พันล้าน ธ.ก.ส.ตั้ง AMC บริหารพ.ย.นี้

06 พ.ย. 2568 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2568 | 05:08 น.

‘เอกนิติ’ ชี้เศรษฐกิจไทยพ้นหล่ม คาดไตรมาส 4 โตกว่า 1% ลุยแก้หนี้เกษตรกร 8 พันล้าน ปัญหาฐานรากประเทศ ระบุ ธ.ก.ส. ตั้ง AMC บริหารในพ.ย.นี้

KEY

POINTS

  • ธ.ก.ส. เตรียมจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ของตนเองภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อบริหารจัดการหนี้เสียของเกษตรกรโดยเฉพาะ
  • โครงการนี้ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาหนี้เสียของเกษตรกรประมาณ 100,000 ราย ซึ่งมีมูลค่าหนี้รวมประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท
  • การบริหารหนี้จะเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ลดเงินต้นและขยายเวลาผ่อนชำระ เพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถกลับเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้อีกครั้ง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ภายใต้ 5 เสาหลักนั้น มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มแล้ว เดิมคาดว่าจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 68 จะเติบโต 0.3% แต่จากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัส และโครงการเที่ยวดีมีคืน จึงประเมินว่าจีดีพีไตรมาส 4 จะขยายตัวได้มากกว่า 1%

ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเป็นหนึ่งในนโยบาย 5 เสาหลักที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ ภายใต้ระยะเวลาการบริหารประเทศ 4 เดือน ซึ่งปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยถูกมองว่าเป็นปัญหารากฐานของประเทศมานาน โดยปัจจุบันมีหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน และนอนแบงก์กว่า 4.7 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท

นายเอกนิติ กล่าวว่า ภายในเดือนนี้จะเริ่มดำเนินการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขึ้นมาเอง ไม่ได้ใช้บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) เข้ามาบริหารจัดการ เนื่องจากหนี้เกษตรกรมีพฤติกรรมเฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ เพื่อจัดการหนี้ของเกษตรกรประมาณ 100,000 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,000–8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแก้ไขหนี้ครัวเรือนในเฟสที่สอง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนเฟสแรก รัฐบาลใช้ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) ดึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของคนตัวเล็กตัวน้อยที่มีวงเงินต่ำกว่า 100,000 บาท ที่เป็นหนี้ไม่มีหลักประกันออกจากระบบธนาคารพาณิชย์ โดยมีเป้าหมาย 2 ล้านคน  มูลค่าหนี้รวม 60,000 ล้านบาท ครอบคลุมหนี้บัตรเครดิตจากธนาคารพาณิชย์, นอนแบงก์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคาร, และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFI)

“การบริหารหนี้เสียผ่าน AMC จะทำการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับฐานะลูกหนี้ เช่น การลดต้น, ยืดอายุการผ่อน และหัวใจสำคัญคือการทำให้ลูกหนี้กลับมามีชีวิตใหม่และเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้อีกครั้ง โดยจะมีการเปิดระบบเครดิตบูโร (NCB) เพื่อให้เข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้”

นอกจากนี้ นายเอกนิติ ยังกล่าวถึงปัญหาสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำคือการลงทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในอดีตการลงทุนเคยสูงถึง 40-50% ของจีดีพี แต่ปัจจุบันเฉลี่ยต่ำกว่า 25% เนื่องจากข้อจำกัดด้านฐานะการคลังและหนี้สาธารณะ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้จะใช้เครื่องมือทางการเงินที่ไม่เป็นหนี้สาธารณะ เช่น การใช้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ดึงดูดนักลงทุนด้านพลังงานสะอาด หรือ ESG

ขณะเดียวกัน เนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเพื่อให้คนจำนวนน้อยลงสามารถทำงานได้เก่งขึ้น โดยจะเน้นการฝึกอบรมในสาขาที่โลกอนาคตต้องการ เช่น Data Center, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ยานยนต์ EV/Hybrid, Smart Farming, Food Processing, และ Medical Hub เป็นต้น

“เราจะใช้เงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถที่มีอยู่ 10,000 ล้านบาท โดยไม่ใช้เงินใหม่ เน้นการฝึกอบรมตามความต้องการ (Demand-side) ของบริษัทที่ได้รับใบอนุญาต BOI เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับการอบรมจะไม่ตกงาน โดยตั้งเป้าหมายฝึกอบรม 100,000 คน ภายใน 4 เดือน”

ทั้งนี้ รัฐบาลจะใช้แนวทาง "Fast Pass" เพื่อปลดล็อกโครงการลงทุนที่ค้างอยู่ของ BOI ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึง 470,000 ล้านบาท พร้อมตั้งชุดกิโยติน เพื่อตัดกฎหมายหรือกฎกติกาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน