ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้(3พ.ย.) มีการพิจารณาโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เสียของประชาชน เพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป
สำหรับมาตรการแก้หนี้ประชาชนต่ำกว่า 1 แสนบาท ผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC โดยเบื้องต้นจะใช้ AMC ที่มีอยู่แล้วไปรับซื้อหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ต่ำ 100,000 บาท มีอยู่ประมาณ 121,000 ล้านบาท ครอบคลุมหนี้สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) จำนวน 3.5 ล้านราย
สำหรับประเภทหนี้ที่จะโอนให้ AMC มี 3 กลุ่มรวม 3.9 ล้านราย รวมมูลค่าหนี้ 93,204 ล้านบาท โดยกว่า 80% เป็นหนี้ส่วนบุคคลกับบัตรเครดิต ขณะที่หนี้บ้านมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นบ้านถูกยึดและยังมีหนี้คงค้างอยู่กับธนาคาร ได้แก่
รูปแบบการดำเนินโครงการ รัฐบาลจะใช้เงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่เหลือประมาณ 26,000 ล้านบาท จากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ปิดโครงการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 มาซื้อหนี้ออกจากธนาคารโดยให้ AMC ที่มี FIDF เป็นผู้ถือหุ้นคือ
ทั้งนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณารายละเอียด ทั้งเงื่อนไข วิธีการ สัญญา จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ และเริ่มกระบวนการโอนหนี้ให้ AMC ต่างๆ ภายในเดือนธันวาคมนี้ และเริ่มคิกออฟการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนมกราคม 2569
ก่อนหน้านายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า การแก้หนี้ผ่านกลไก AMC เป็นความร่วมมือรัฐบาล กระทรวงการคลัง ธปท.และสมาคมธนาคารไทย โดยจะปรับบทบาท SAM เป็น Social AMC เนื่องจาก SAM มี FIDF เป็นผู้ถือหุ้น
เบื้องต้นจะเป็นกลุ่มหนี้เสียในอดีตที่มีวงเงินต่ำกว่า 1 แสนบาท ปัจจุบันมีประมาณ 2-3 ล้านราย แบ่งเป็น 4 ก้อนคือ
ส่วนนอนแบงก์ที่ไม่ใช่ลูกธนาคาร กำลังพิจารณาจะทำเซ็กเมนต์ไหนก่อน แต่เฟสแรกจะเริ่มจากธนาคารพาณิชย์ นอนแบงก์ที่เป็นลูกธนาคาร และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ส่วนนอนแบงก์อื่นๆ อาจจะเป็นในเฟสถัดไป
“การใช้ AMC เป็นความร่วมมือหลายฝ่ายที่พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น จะเป็นการแก้หนี้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน และเป็นหนี้เสียในอดีตมาระยะหนึ่ง แต่จะต้องมี Cut-off date เพื่อไม่ให้เสียวินัยการเงิน โดยจะสามารถช่วยคนได้กว่า 2 ล้านคน”นายวิทัยกล่าว
ส่วนเงินที่จะนำมาใช้ จะเป็นเงินจากกองทุน FIDF ที่ธนาคารพาณิชย์นำส่งมาใช้ในโครงการคุณสู้ เราช่วย จำนวน 0.23% ของยอดเงินฝาก แต่ใช้ไม่หมด จึงจะนำมาช่วยเหลือคนต่อไป เพื่อให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนลดลงไปที่ 80% ของจีดีพี