KEY
POINTS
วันที่ 1 พฤษจิกายน 2568 พลโท ดร.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ ได้ประมวลและนำเสนอ สื่อของจีนนำเสนอข่าวด่วน! ว่า ไทยประกาศแผนสร้างสะพานเชื่อมมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก และตั้งเป้าเข้าร่วมองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ภายในปี พ.ศ. 2573
นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล แถลงต่อที่ประชุมสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค หรือ APEC Business Advisory Council (ABAC) ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติ คยองจู ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2568 ว่า ไทยจะสร้างสะพานเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก และมีแผนเข้าร่วมองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ภายในปี พ.ศ.2573
โดยได้ประกาศแผนริเริ่มเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ 3 ประการ จากการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “ศักยภาพของไทยในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงในภูมิภาค” ซึ่งได้ระบุมาตรการเฉพาะ 3 ประการ เพื่อกระตุ้นศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยไว้ดังนี้
ประการแรก เสริมสร้างความเชื่อมโยงระดับภูมิภาค โดยประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเอเชีย ทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมโยงเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และอาเซียน รัฐบาลไทยกำลังลงทุนในโครงการสะพานทางบกเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยเปิดเส้นทางห่วงโซ่อุปทานใหม่ ๆ นอกจากนี้ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่าการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและประชาชนจะผ่านระเบียงความมั่นคงเอเปคได้อย่างปลอดภัย
ประการที่สอง การลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ภายใต้กรอบนโยบาย “Quick Wins” ประเทศไทยจะส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีชีวภาพ และปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีและสตาร์ทอัพผ่านโครงการเสริมสร้างศักยภาพและความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะครอบคลุมและเท่าเทียมกัน
ประการที่สาม ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายระบบเศรษฐกิจที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและความสมดุลของสิ่งแวดล้อมและวัฏจักรทางชีวภาพ ซึ่งประเทศไทยจะมีบทบาทนำในการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคมตลอดห่วงโซ่อุปทาน
โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการลงทุนด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และการเงินที่มีความรับผิดชอบ
โดยเฉพาะแรงจูงใจทางภาษีที่กำลังดึงดูดการลงทุน จากการที่ประเทศไทยกำลังเสนอแรงจูงใจทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพลังงานสะอาด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมูลค่าสูง และ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง “รัฐบาลเป็นผู้กำหนดทิศทาง แต่ภาคธุรกิจคือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง”
พร้อมทั้งการเน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดของความร่วมมือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค หรือ APEC Business Advisory Council (ABAC) ที่จะช่วยให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถสร้างความเชื่อมโยง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ เมื่อเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ นายกรัฐมนตรี อนุทินฯ เสนอว่า เอเปค (APEC) ควรเน้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การรักษาตลาดให้เปิดกว้าง การส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
นอกจากนี้ ท่ามกลางกระแสลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้นและความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น เอเปคควรยึดมั่นในระบบพหุภาคีและกลไกการค้าเสรีที่อิงกฎเกณฑ์ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นทางธุรกิจและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
“เศรษฐกิจขนาดใหญ่มีบทบาทสำคัญในการบรรลุศักยภาพในการสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมความร่วมมือ ไม่ใช่สร้างความแตกแยก” รวมทั้ง “เพื่อให้เอเปคมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรสร้างสะพานแห่งความร่วมมือ ไม่ใช่กำแพงแห่งความแตกแยก เอเปคควรทำงานร่วมกันเพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นความก้าวหน้าร่วมกัน”
สำหรับเป้าหมายของไทยในการเข้าร่วม OECD ภายในปี พ.ศ.2573 กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ปัจจุบันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่มีประเทศใดเป็นสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการ ซึ่งการเข้าร่วม OECD จะช่วยยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลและความโปร่งใสของไทย และเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกเอเปค
โดยเอเปคจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้กับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาในอนาคตด้วยการส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดิจิทัล และครอบคลุม ตามวิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนในพลังงานสะอาด การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากระบบการเงินที่สอดคล้องกับหลัก ESG
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://mp.weixin.qq.com/s/M6PinbosEbkjSMEyG4rXfw )