KEY
POINTS
นายสิริพงศ์ อังสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงความพอใจอย่างยิ่งต่อผลตอบรับของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิวันแรก เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 โดยมีผู้ใช้จ่ายสำเร็จแล้วกว่า 3.6 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมทะลุ 752.25 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนร่วมจ่าย 379.44 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายอีก 372.80 ล้านบาท ผ่านระบบ G-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเปิดให้ใช้ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น. จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
“นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานระหว่างร่วมประชุมเอเปค ที่เกาหลีใต้ พร้อมฝากขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือใช้สิทธิอย่างสร้างสรรค์ และยืนยันว่าโครงการเฟส 2 จะมีขึ้นแน่นอน”
โฆษกรัฐบาลระบุว่า ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ บรรยากาศการใช้จ่ายวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในตลาดชุมชน ร้านอาหาร และร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการ ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจระดับฐานรากเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของนโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ที่มุ่งลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจรายย่อย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง “กลโกงร้านค้า” ที่พยายามฉวยโอกาสจากโครงการ โดยเฉพาะการเชิญชวนให้ประชาชนนำวงเงินสิทธิไปแลกเป็นเงินสด ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ รัฐบาลย้ำเตือนว่า ผู้ที่ซื้อขายสิทธิ หรือนำสิทธิมาแลกเงินสด ถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากมีการแลกวงเงินสำเร็จ จะเข้าข่ายความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท และต้องคืนเงินให้รัฐทั้งหมด
ผู้กระทำผิดอาจถูก ตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการรัฐอื่นในอนาคต
รัฐบาลยังเน้นย้ำให้ประชาชนใช้สิทธิตามจริง เพื่อให้เม็ดเงินจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เข้าถึงเศรษฐกิจระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง และสร้างผลเชิงบวกต่อธุรกิจท้องถิ่น พร้อมเร่งวางแผนเดินหน้า “เฟส 2” ภายในต้นปี 2569 เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มประชาชนที่ยังไม่เข้าร่วมในรอบแรก
“โครงการนี้ไม่ได้เพียงช่วยลดค่าครองชีพ แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้านและชุมชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง” โฆษกรัฐบาล กล่าวทิ้งท้าย