นายกฯ ปลื้ม“คนละครึ่งพลัส” วันแรกใช้สิทธิ 3.6 ล้านคน 752 ล้านบาท

29 ต.ค. 2568 | 11:34 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2568 | 11:43 น.

โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ อนุทิน” ปลื้มเสียงตอบรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วันแรกคึกคัก ยอดใช้จ่ายพุ่งกว่า 752 ล้านบาท ใช้สิทธิ 3.6 ล้านรายทั่วประเทศ ย้ำเดินหน้า เฟส 2 แน่

KEY

POINTS

  • โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ได้รับการตอบรับดีในวันแรก มีผู้ใช้สิทธิกว่า 3.6 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวมกว่า 752 ล้านบาท
  • นายกรัฐมนตรีแสดงความพอใจที่โครงการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนได้ตามเป้าหมาย
  • รัฐบาลยืนยันเตรียมเดินหน้าโครงการเฟส 2 ในต้นปี 2569 พร้อมกำชับให้เฝ้าระวังการทุจริตนำสิทธิไปแลกเป็นเงินสด

นายสิริพงศ์ อังสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงความพอใจอย่างยิ่งต่อผลตอบรับของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิวันแรก เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 โดยมีผู้ใช้จ่ายสำเร็จแล้วกว่า 3.6 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมทะลุ 752.25 ล้านบาท

ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนร่วมจ่าย 379.44 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายอีก 372.80 ล้านบาท ผ่านระบบ G-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเปิดให้ใช้ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 - 23.00 น. จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568

“นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานระหว่างร่วมประชุมเอเปค ที่เกาหลีใต้ พร้อมฝากขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือใช้สิทธิอย่างสร้างสรรค์ และยืนยันว่าโครงการเฟส 2 จะมีขึ้นแน่นอน”

โฆษกรัฐบาลระบุว่า ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ บรรยากาศการใช้จ่ายวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในตลาดชุมชน ร้านอาหาร และร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการ ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจระดับฐานรากเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของนโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ที่มุ่งลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจรายย่อย

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง “กลโกงร้านค้า” ที่พยายามฉวยโอกาสจากโครงการ โดยเฉพาะการเชิญชวนให้ประชาชนนำวงเงินสิทธิไปแลกเป็นเงินสด ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ รัฐบาลย้ำเตือนว่า ผู้ที่ซื้อขายสิทธิ หรือนำสิทธิมาแลกเงินสด ถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากมีการแลกวงเงินสำเร็จ จะเข้าข่ายความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท และต้องคืนเงินให้รัฐทั้งหมด

ผู้กระทำผิดอาจถูก ตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการรัฐอื่นในอนาคต
รัฐบาลยังเน้นย้ำให้ประชาชนใช้สิทธิตามจริง เพื่อให้เม็ดเงินจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เข้าถึงเศรษฐกิจระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง และสร้างผลเชิงบวกต่อธุรกิจท้องถิ่น พร้อมเร่งวางแผนเดินหน้า “เฟส 2” ภายในต้นปี 2569 เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มประชาชนที่ยังไม่เข้าร่วมในรอบแรก

“โครงการนี้ไม่ได้เพียงช่วยลดค่าครองชีพ แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้านและชุมชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง” โฆษกรัฐบาล กล่าวทิ้งท้าย