ด่วน! จับ 3 รายโกงคนละครึ่งพลัสแลกเป็นเงินสด คลังสั่งดำเนินคดีตามกฏหมาย

29 ต.ค. 2568 | 09:08 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2568 | 09:08 น.

กระทรวงการคลังเผยพบ 3 รายโกงคนละครึ่งพลัสแลกเป็นเงินสด สั่งดำเนินคดีตามกฏหมาย เตือนห้ามซื้อขายสิทธิโครงการ

KEY

POINTS

  • กระทรวงการคลังร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ที่ทุจริตโครงการคนละครึ่ง
  • ผู้ต้องหามีพฤติกรรมโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนนำวงเงินสิทธิในโครงการฯ มาแลกเป็นเงินสด โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง
  • เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตือนว่าการแลกสิทธิเป็นเงินสดมีความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำคุกและปรับ

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการทลายกลโกงร้านค้าที่โฆษณาเชิญชวนประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ให้นำวงเงินตามสิทธิมาแลกเป็นเงินสด โดยมีส่วนต่างที่ต้องหักให้ร้านค้า ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าหรือบริการจริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ โดยได้จับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รวมถึงกำชับเตือนประชาชน และร้านค้า ห้ามซื้อขายสิทธิหรือใช้สิทธิโครงการฯ โดยไม่มีการซื้อขายจริง และโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนให้แลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสด เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากมีการแลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสดสำเร็จ จะถือเป็นความผิดทางอาญาฐานร่วมกันฉ้อโกง ทั้งผู้แลกและผู้รับแลก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงต้องคืนเงินให้แก่รัฐบาลทั้งจำนวนที่เคยได้รับไป และอาจถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาลอีกด้วย

นายวินิจ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เวลา 06.00 น. มีประชาชนให้ความสนใจใช้จ่ายผ่านโครงการฯ เป็นจำนวนมาก และ ณ เวลา 12.30 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 2.49 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 501.11 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 252.40 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 248.71 ล้านบาท

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยในแต่ละวัน ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาทก็ได้

อย่างไรก็ดี ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ยังคงสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 โดยร้านค้าที่ประสงค์จะขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) สามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ ได้ 1 ราย ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”

ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายเพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่ม จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”