อภิสิทธิ์ข้องใจ MOU แรร์เอิร์ธสหรัฐฯทำไมต้องไทย เตือน 3 ข้อควรระวัง

28 ต.ค. 2568 | 08:28 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ต.ค. 2568 | 08:28 น.

หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ข้องใจ MOU แรร์เอิร์ธสหรัฐฯทำไมต้องเป็นประเทศไทย เตือน 3 ข้อควรระวัง จี้รัฐบาลเปิดข้อตกลงให้ประชาชนรับรู้

KEY

POINTS

  • นายอภิสิทธิ์เตือน 3 ข้อควรระวังใน MOU แรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯ คือ ผลประโยชน์ที่เป็นธรรม, ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และต้องไม่เป็นการผูกขาดโดยสหรัฐฯ
  • ชี้ว่าไทยต้องรักษาสมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเปิดกว้างร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เช่น จีน ไม่ใช่เพียงสหรัฐฯ ประเทศเดียว
  • เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลและเปิดให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมก่อนที่จะดำเนินการในรายละเอียด

นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีเกี่ยวกับแร่หายาก แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ว่า ข้อตกลงฉบับดังกล่าวนี้ขึ้นอยู่กับการที่รัฐบาลจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การที่สหรัฐฯ ต้องการเข้ามาโดยมีเงื่อนไขให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานถือเป็นโอกาสที่ดี แต่ก็ต้องมีความระมัดระวัง

ทั้งนี้ ข้อควรระวังหลัก ๆ คือ1.ไทยต้องได้รับความเป็นธรรมในเชิงผลประโยชน์ ,2.ต้องพิจารณาประเด็นผลกระทบด้านอื่น เช่น สิ่งแวดล้อม และ 3.ที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องไม่ทำบันทึกความเข้าใจนี้ แปลว่าสหรัฐฯจะมีสิทธิ์ในการผูกขาด เพราะประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศจีน ก็มีความปรารถนาที่จะเข้ามาร่วมงานกับไทยเช่นกัน 

ประเด็นนี้เป็นความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่แหลมคมอยู่แล้ว ประเทศไทยเพิ่งจะรักษาความสมดุลในความสัมพันธ์กับศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันดับ 1 และ 2 และต้องแสดงความชัดเจนว่าเราพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศอื่นด้วย

ส่วนคำถามที่ว่ารัฐบาลไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ มองว่าในภาพรวมของบันทึกความเข้าใจและกรอบความร่วมมือที่เปิดเผยออกมา ตอนนี้ที่มาพูดเหตุการณ์ผ่านมาแล้วความจริงสิ่งหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเปิดเผยความจริงให้แก่ประชาชน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดในระหว่างการเจรจา แต่ ประชาชนควรมีสิทธิ์ที่จะรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าสิ่งรัฐบาลดำเนินการแลกเปลี่ยนเพื่อเจรจาต่อรองมีประเด็นอะไรบ้าง

อภิสิทธิ์ข้องใจ MOU แรร์เอิร์ธสหรัฐฯทำไมต้องไทย เตือน 3 ข้อควรระวัง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่รัฐบาลในระหว่างที่จะไปเจรจาในรายละเอียด หรือนำสิ่งเหล่านี้ไปสู่การปฎิบัติจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะก่อนที่จะไปตกลงเจรจาทางการค้าอย่างเป็นทางการ คิดว่าผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือได้รับผลกระทบมีหลายด้านมาก คิดว่าการเปิดเผยกรอบความร่วมมือที่ผ่านมาคงทำให้หลายคนได้เห็นว่าครอบคลุมเกือบทุกภาคส่วน

โดยที่ภาคส่วนเหล่านั้นยังได้มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็นเลย ถ้าหากมีความจำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคนเหล่านั้นก็ต้องมีแผนที่ชัดเจนในการเยียวยา และมีแผนที่จะมีระยะเปลี่ยนผ่าน ให้คนที่ได้รับผลกระทบในทางลบจะทำอย่างไร 

ที่ผ่านมา รัฐบาลทั้งชุดที่แล้ว และชุดปัจจุบันได้พูดถึงเฉพาะคนที่ได้รับผลกระทบจากภาษี 19% เท่านั้น แต่ไม่ได้พูดอะไรเลยกับคนที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่นำไปแลก เพื่อให้ได้ลดภาษีมา 19% ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งเปิดเผยข้อเท็จจริง และให้เกิดการมีส่วนร่วม และต้องบอกให้ชัดว่าช่องทางหรือสามารถในการเจรจารายในละเอียด มีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในภูมิภาคนี้มีประเทศอื่น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าก็ยังไม่มีการไปทำข้อตกลงแบบนี้ ยกเว้นกรณีของออสเตรเลีย เพราะฉะนั้น นายกฯ ก็ตอบง่ายไปนิดที่บอกว่าเป็นแค่ MOU คงไม่ไปทำอะไร ในที่สุดแล้วถูกมองว่าไปตกลงอะไรกันแล้วไม่ให้ความสำคัญ เพียงแต่เรื่องนี้คิดว่าคนไทยทราบสิ่งเหล่านี้เป็นครั้งแรกเมื่อเปิดเผยออกมา ดังนั้นรัฐบาลมีหน้าที่สำคัญในการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำความเข้าใจว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร

หากถามว่าควรนำเรื่องนี้เข้าสภาหรือไม่นั้น มองว่าข้อตกลงทางการค้าสุดท้ายแล้วย่อมต้องเข้าสภาฯ ส่วนบันทึกความเข้าใจคงต้องดูข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตามยังมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติอีกมาก ซึ่งจะบ่งบอกระดับของการที่จะได้รับการอนุมัติ อย่าว่าแต่สภาฯเลย แค่หน่วยงานต่างๆตาม ก็ยังมีอีกมากมาย