พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ทำงานรัฐ ลาคลอด 120 วัน เพิ่มวันจ่ายค่าจ้าง

23 ต.ค. 2568 | 09:11 น.

ครม.รับทราบ กมธ. ดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับใหม่ เปิดทางคนทำงานภาครัฐ ได้ค่าตอบแทน มีวันหยุด พักร้อน ลาคลอด 120 วัน ลาเลี้ยงดูบุตร พร้อมเพิ่มวันจ่ายค่าจ้าง

KEY

POINTS

  • ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมแรงงานที่ทำงานกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
  • แก้ไขเพิ่มเติมสิทธิการลาคลอดบุตรเป็นไม่เกิน 120 วัน และเพิ่มการจ่ายค่าจ้างระหว่างลาจากเดิม 45 วัน เป็นไม่เกิน 60 วัน
  • กำหนดสิทธิประโยชน์ใหม่ให้ลูกจ้างสามารถลาต่อเนื่องเพื่อดูแลบุตรที่ป่วย และลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตรได้โดยได้รับค่าจ้าง

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมให้ความคุ้มครอง แก่แรงงานที่ทำงานกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐให้ได้รับค่าตอบแทนการทำงาน

พร้อมทั้งมีวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลาป่วย วันลาคลอด วันและเวลาทำงาน เวลาพักไม่น้อยกว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน (เดิมไม่ได้กำหนดไว้ ทำให้แรงงานที่ทำงานกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจองค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐ ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน) 

อีกทั้งยังแก้ไขเพิ่มเติมกำหนด วันลาคลอดบุตร ไม่เกิน 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 60 วัน (เดิมกำหนดวันลาคลอดบุตรไม่เกิน 98 วัน โดยได้รับค่าจ้างในวันทำงาน ตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 45 วัน)

กำหนดเพิ่มเติมให้ลูกจ้างที่ลาคลอดบุตร มีสิทธิลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่เจ็บป่วยได้อีกไม่เกิน 15 วัน โดยได้รับค่าจ้างในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างสำหรับวันที่ลา (เดิมไม่ได้กำหนดไว้)

เช่นเดียวกับการกำหนดเพิ่มเติมให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสซึ่งคลอดบุตรครรภ์หนึ่งได้ไม่เกิน 15 วัน โดยได้รับค่าจ้าง (เดิมไม่ได้กำหนดไว้) 

รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานสามารถประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบแสดงสภาพการจ้างและสภาพการทำงานของนายจ้างซึ่งมีลูกจ้าง รวมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานตรวจแรงงาน (เดิมกำหนดให้พนักงานตรวจแรงงาน ส่งแบบตามที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกำหนดให้นายจ้างภายในเดือนธันวาคมของทุกปี เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานตรวจแรงงาน) 

ล่าสุดร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาและอยู่ระหว่างดำเนินการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้คณะกรรมาธิการฯ ยังเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการและคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว โดยได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับ ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เช่น ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำแบบสัญญาจ้างเหมาบริการ รูปแบบใหม่ สำนักงบประมาณควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับกรอบอัตรากำลัง  สิทธิประโยชน์ของการจ้างเหมาบริการที่เพิ่มขึ้น 

สำนักงาน ก.พ. ควรพิจารณาการจัดกรอบอัตรากำลังให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน กรมบัญชีกลางควรพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องการจ้างเหมาบริการของส่วนราชการที่จ้างงานผิดประเภทและไม่ตรงตามเจตนารมณ์ ของรูปแบบสัญญา 

กระทรวงแรงงาน ควรจัดทำคำชี้แจง สร้างความรับรู้เพื่อให้หน่วยงานของรัฐ นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จัดทำคำชี้แจงเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจให้กับนายจ้าง ลูกจ้าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ 

รวมทั้ง พิจารณาศึกษาการปรับขยายสิทธิให้ครอบคลุมถึงการลาของลูกจ้างเพื่อดูแลบุตรบุญธรรมการจ่ายค่าจ้างในวันลาเพื่อคลอดบุตรสำหรับลูกจ้างหญิงมีครรภ์ที่เหลืออีก 60 วัน และการจ่ายค่าจ้างสำหรับวันลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตรส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 ควรให้พิจารณาแก้ไขกฎหมายให้จ่ายจากกองทุนประกันสังคมเพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน

ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้พร้อมมีบุตรได้มีบุตรเพิ่มขึ้น ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควรส่งเสริมให้มารดาสามารถเลี้ยงดูบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือนและควรเพิ่มสวัสดิการให้กับสตรีมีครรภ์และเงินช่วยเหลือเพื่อเลี้ยงดูบุตร

เช่นเดียวกับกระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลและส่งเสริมสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีคุณภาพมาตรฐาน และมีจำนวนเพียงพอ

ทั้งนี้ ตามมติครม. ได้มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ของสภาผู้แทนราษฎร เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป 

รวมทั้ง มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจาก สลค. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย