KEY
POINTS
นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คณะทำงานด้านแรงงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ,ส.อ.ท. และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือถึงภาครัฐและนายจรัส คุ้มไข่น้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อแสดงข้อกังวลและข้อเสนอแนะต่อการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 25 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ได้พิจารณาและมีมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ที่เสนอโดยนายจรัส คุ้มไข่น้า และเสนอโดยนางสาววรรณวิภา ไม้สน พรรคประชาชน และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียดเป็นรายมาตรา
ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้ง โดยมีกำหนดการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการภายใน 15 วันนั้น กกร. เห็นว่าควรมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความพร้อมของประเทศ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ซึ่ง กกร. ยืนยันว่าภาคเอกชนสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานตามหลักสากล ทั้งในด้านชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม สิทธิการลา และการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อส่งเสริม Work-Life Balance อย่างไรก็ตาม การปรับลดชั่วโมงการทำงานจาก 48 ชั่วโมง เหลือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
รวมถึงการเพิ่มวันหยุดและสิทธิการลาอื่น ๆ ตามร่างกฎหมายใหม่ อาจส่งผลให้ ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยการผลิตเพิ่มขึ้นทันที โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ซึ่งกำลังเผชิญต้นทุนที่สูงและสภาพคล่องจำกัด อาจนำไปสู่การปิดกิจการและการเลิกจ้างแรงงาน
กกร. ระบุว่า การปรับลดชั่วโมงการทำงานยังอาจกระทบต่อรายได้รวมของแรงงาน และควรมีการประเมินผลกระทบเชิงปริมาณอย่างชัดเจน พร้อมจัดทำมาตรการรองรับที่เหมาะสม เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังไม่พร้อมต่อการปรับเปลี่ยนดังกล่าว หลายอุตสาหกรรมยังพึ่งพาแรงงานคน ขณะที่การใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยียังมีข้อจำกัดด้านเงินลงทุนและทักษะแรงงาน
นอกจากนี้ กกร. ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการจัดทำร่างกฎหมายควรเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ที่กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ซึ่งในกรณีนี้ยังขาดข้อมูลเชิงปริมาณที่เพียงพอและอาจส่งผลต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรง
จากข้อกังวลดังกล่าว กกร. จึงเสนอแนวทางเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองแรงงานและการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประกอบด้วย
“กกร. เน้นย้ำให้พิจารณาทบทวนการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเนื่องจากการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานควรดำเนินไปพร้อมกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อแรงงาน ภาคธุรกิจ และประเทศโดยรวม”