KEY
POINTS
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังเร่งเดินหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ แต่คำถามสำคัญคือ แรงงานไทยพร้อมใช้งาน AI อย่างเต็มศักยภาพหรือไม่? ไม่ใช่เพียงการใช้ AI แทนที่ แต่เป็นการใช้ AI เสริมศักยภาพมนุษย์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลและสร้างคุณค่าเพิ่ม
ประเด็นนี้ได้รับการหยิบยกขึ้นเป็นหัวข้อหลักในงานสัมมนา “Bridging Academia and Industry with AI Innovation” จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดย SkillUp แพลตฟอร์มระดับโลกที่ช่วยให้นักเรียนและนักศึกษาพัฒนาทักษะที่ตลาดงานต้องการ และเชื่อมโยงไปสู่เส้นทางอาชีพอย่างเป็นรูปธรรม งานนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Deloitte และมีผู้แทนจากภาครัฐ นักวิชาการ และภาคธุรกิจเข้าร่วมอภิปรายเพื่อระบุแนวทางลดช่องว่างทักษะและเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนและแรงงานไทยในโลกที่การทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า 74.1% ของคนไทยยังมีทักษะดิจิทัลต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่าประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้าน AI กว่า 8 หมื่นคน ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขับเคลื่อนนวัตกรรม และอาจบั่นทอนเป้าหมายในการก้าวสู่ประเทศรายได้สูงภายในปี 2580 ภายใต้วิสัยทัศน์ Thailand 4.0
เกร็ก วัตคินส์ ผู้อำนวยการบริหาร สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประสิทธิผลของ AI ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคำถามที่ถาม เหมือนกับการใช้โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องมือใด ๆ เราไม่สามารถใช้ AI แทนที่การเรียนรู้ได้ สิ่งสำคัญคือการเชื่อมโยงสิ่งที่นักเรียนเรียนในโรงเรียนเข้ากับการใช้ AI เป็นเครื่องมือในทุกการประยุกต์และทุกอุตสาหกรรม เพื่อให้คนทำงานสามารถเข้าทำงานและสร้างผลงานได้ทันที
ด้าน Yean Feng Yue หัวหน้าฝ่าย Corporate Social Responsibility ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ IBM เน้นว่า อนาคตเป็นของผู้ที่สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและ AI ได้ ในขณะที่ AI ทำงานบางส่วน มนุษย์ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและยกระดับตนเองไปสู่บทบาทที่มีคุณค่ามากขึ้น รวมถึงการสร้างทักษะใหม่ ๆ เช่น ด้านจริยธรรมของ AI เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลผิดหรือข่าวปลอม บทบาทนักจริยธรรม AI และผู้กำหนดนโยบาย AI จะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต
ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร Clients & Industries ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า อนาคตการจ้างงานจะเน้นที่ทักษะเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงว่าผู้คนสามารถทำงานในสายวิชาชีพได้ แต่ต้องมีทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อโยกย้ายสายงานได้อย่างราบรื่น ทักษะด้าน Soft Skills เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ ความยืดหยุ่น และความใฝ่รู้จึงมีความสำคัญอย่างมาก
เช่นเดียวกับ นายภิริยพงศ์ แจ้งเจนเวศน์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI) ที่ชี้ว่า หลายองค์กรเริ่มฝึกทักษะเชิงวิชาชีพและทักษะทางเทคนิคภายในงาน แต่สิ่งที่สถาบันการศึกษาควรเน้นคือ Soft Skills และความพร้อมสู่โลกการทำงาน เช่น ความใฝ่รู้ ความมุ่งมั่น และความสามารถในการปรับตัว
ความร่วมมือระหว่าง SkillUp และ TPQI ผ่านการลงนาม MoU ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการบูรณาการการเรียนรู้และการพัฒนาอาชีพของประเทศเข้ากับมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อให้นักศึกษาได้มีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนและตอบโจทย์ตลาดแรงงานยุคใหม่
ขณะที่นางนิสากร ทรงมณี Talent Leader และ Audit and Assurance Partner ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดแรงงานเคลื่อนไหวเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน เราต้องเตรียมแรงงานไทยให้พร้อมไม่เพียงปรับตัว แต่สามารถสร้างอาชีพที่แตกต่าง SkillUp จึงเป็นระบบนิเวศที่เปิดโอกาสการเรียนรู้และสร้างแรงงานแห่งอนาคต ปัจจุบันส่งผลกระทบต่อชีวิตนักศึกษาไทยกว่า 220,000 คน และจำนวนนี้ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน
นอกจากทักษะ AI แล้ว การสร้าง Soft Skills และความยืดหยุ่น เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ร่วมสัมมนาเน้นว่าการเรียนรู้ควรต่อเนื่อง ตั้งแต่การศึกษาในระดับโรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงการอบรมเชิงวิชาชีพ การสร้างความรู้และประสบการณ์จริงจะช่วยให้แรงงานไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลก และปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“การพัฒนาความสามารถด้าน จริยธรรม AI ยังเป็นหัวข้อสำคัญ เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลผิดหรือข่าวปลอม บทบาทใหม่ เช่น นักจริยธรรม AI และผู้กำหนดนโยบาย AI จะมีความสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ถือเป็น กุญแจสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศไทยสร้างแรงงานที่พร้อมรับมือโลกดิจิทัลและ AI ได้อย่างยั่งยืน”
ประเทศไทยไม่เพียงแต่ต้องพัฒนาแรงงานด้าน AI แต่ต้องบ่มเพาะ ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการปรับตัว เพื่อให้แรงงานสามารถใช้ AI เสริมศักยภาพในการทำงานและสร้างคุณค่าใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทย