จากกรณีที่มีการพาดพิง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยเชื่อมโยงชื่อกับเครือข่ายที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย ประเทศกัมพูชานั้น
นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงใส่ร้ายป้ายสี ว่า จากข่าวบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีตน พัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมายกัมพูชา ไม่เป็นความจริง รวมถึงการพาดพิงถึงภรรยาว่ามีการรับคริปโต มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ไม่จริงเช่นกัน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ภรรยาของตนไม่เคยมีบัญชีคริปโต ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และไม่เคยรับผลประโยชน์ใดๆ จากเรื่องนี้ ที่สำคัญทางภรรยา ปกติก็ไม่ได้อยากให้ตนมาทำเรื่องการเมืองอยู่แล้ว จึงคิดว่าการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีความเหมาะสมที่สุด
“ผมจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนตัวของผมเป็นภาระอันหนักอึ้ง ที่อาจกระทบต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล โดยจะยื่นหนังสือลาออกในวันนี้ และยืนยันว่าไม่ได้ถูกกดดันจากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง”
สำหรับสาเหตุในการตัดสินใจลาออก เนื่องจากสถานการณ์ที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อมูลเท็จผมต้องใช้เวลาเยอะในการดำเนินคดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการคลังให้บรรลุผล ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญอยู่บนหลักความโปร่งใส่ และรักษาความอิสระของรัฐบาลในการบริหารประเทศให้ปราศจากข้อครหา
ทั้งนี้ หลังจากยื่นหนังสือลาออกแล้ว ตนจะได้มีโอกาสรวบรวมข้อมูลเท็จจริงไว้ต่อสู้ และจะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือน และเผยแพร่ข้อมูลเท็จทำให้ตนเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะนายทอม ไรซ์จะถูกฟ้องเป็นคนแรก รวมถึงคนที่นำข้อมูลเท็จมาเผยแพร่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนและภรรยายอมรับว่ามีความรู้จักมิสเตอร์ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และครอบครัว เนื่องจากลูกเรียนโรงเรียนเดียวห้องเดียวกัน ทำให้มีความรู้จักกันในฐานะผู้ปกครอง แต่ไม่เคยมีธุรกรรมร่วมกัน ส่วนเลียก ยิม ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยพูดคุยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจธนาคาร ซึ่งปกติตนก็ให้คำปรึกษาเรื่องนี้กับหลายธนาคารอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการรับตำแหน่ง หรือเงินเดือนจาก บีไอซี แบงก์ กัมพูชา แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่จะมีการเปิดหลักฐานเกี่ยวกับการรับเงินอะไรต่างๆ นั้น ผมขอท้าให้เปิดข้อมูล เอาหลักฐานมายืนยัน และตนพร้อมชี้แจงอย่างแน่นอน
“กระผมไม่เคยและจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรม ข้ามชาติใด ๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของผมอยู่บนหลักความสุจริต โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม”