‘อนุทิน’ เตรียมถก AMCHAM จันทร์นี้ วางทิศทางรับมือ ‘ภาษีทรัมป์’

18 ต.ค. 2568 | 09:56 น.

นายกฯ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เตรียมหารือ หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย หรือ AMCHAM วันที่ 20 ต.ค.นี้ แลกเปลี่ยนนโยบาย พ่วงแนวทางรับมือมาตรการภาษีทรัมป์

KEY

POINTS

  • นายกฯ อนุทิน เตรียมหารือกับหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) เพื่อวางแนวทางรับมือมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
  • รัฐบาลตั้งเป้าเจรจาลดภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ให้ต่ำกว่าหรือไม่เกิน 19% เพื่อคุ้มครองภาคการส่งออก เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม
  • การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และการเร่งสรุปข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 นี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมหารือกับ นาง Heidi Gallant กรรมการบริหาร นำผู้บริหารและบริษัทสมาชิกหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (The American Chamber of Commerce in Thailand: AMCHAM) เพื่อแลกเปลี่ยนนโยบายและหารือเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ รวมถึงแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจของไทย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาในการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ นั้น รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ เป็นประธาน ร่วมกับรัฐมนตรีจาก 6 กระทรวงหลัก เพื่อบูรณาการการทำงานให้การเจรจาจบลงในเวลาอันเหมาะสม โดยการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯ ให้เร่งเจรจาลดภาษีให้ต่ำกว่าหรือไม่เกิน 19% เพื่อคุ้มครองภาคส่งออก เกษตร อุตสาหกรรม การจ้างงาน

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ระบุถึงเรื่องนี้ว่า การเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ และการเร่งสรุป FTA กับสหภาพยุโรป เพื่อวางรากฐานทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ของประเทศในระยะยาว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วง 4 เดือน สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย และนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบในวงกว้าง 

ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งการเจรจาเพื่อลดภาษีให้ต่ำกว่าหรืออย่างน้อยไม่เกินระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 19 เพื่อปกป้องภาคการส่งออก เกษตร อุตสาหกรรม การจ้างงาน และเศรษฐกิจโดยรวม

"การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และ FTA ไทย - EU เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ขอให้รัฐมนตรีทุกคนกำชับและสั่งการในเรื่องที่จำเป็นกับผู้เข้าร่วมการเจรจาในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อช่วยกันหาทางออกให้การเจรจาสามารถจบลงได้ในเวลาอันเหมาะสม และนำมาซึ่งผลประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ" นายกฯ ระบุ

ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เผยก่อนหน้านี้ถึงแนวนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ โดยประกาศเรื่องของการรับมือภาษีสหรัฐฯ ไว้เป็นนโยบายแรก โดยตั้งเป้าหมาย ร่วมมือกับภายในกระทรวงและนอกกระทรวง เจรจาภาษีทรัมป์ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเจรจาได้ภาษี 19% 

แต่ยังเหลือรายละเอียด ทั้งเรื่องสินค้าถิ่นกำเนิด ดูแลการทุ่มตลาด การช่วยเหลือผู้ประกอบการ และต้องหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนและเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย ซึ่งได้มีการตั้งเป้าสิ้นปีเจรจาจบมีรายละเอียดอย่างชัดเจน  

ขณะที่ประเด็นเรื่องสินค้าสวมสิทธิ์ ได้มีการรวบรวมการขอใบหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าหรือ CO มาไว้ที่กระทรวงพาณิชย์ ทำให้มั่นใจว่าการออกใบสามารถตรวจสอบต้นทางได้ถูกต้อง จะไม่มีการปลอมแปลงเอกสาร

เช่นเดียวกับเรื่องสินค้าทุ่มตลาด AD จะดำเนินการลดระยะเวลาผู้ประกอบการเรียกร้องของใช้สิทธิ์ โดยการขอคำร้องจาก 3 เดือนเหลือ 1 เดือน โดยใช้ระบบเทคโนโลยีคำนวนให้ถูกต้องและรวดเร็ว และมีการปรับปรุงระเบียบให้สามารถทำได้สั้นลด

ล่าสุด รมว.พาณิชย์ ยังหารือกับผู้บริหารจาก Bank of America โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาสและผลกระทบของนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาต่อประเทศในภูมิภาคเอเชีย การปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานและการผลิต การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการเงินระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา 

โดย Bank of America แจ้งว่าทางธนาคารมีหน่วยวิจัยที่ดีติดอันดับโลก และยินดีที่จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในเชิงวิชาการเพื่อหารือในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป