เส้นทาง 'พรพจน์ เพ็ญพาส' ฝ่ามรสุมเขากระโดง คัมแบ็กอธิบดีกรมที่ดิน

14 ต.ค. 2568 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2568 | 09:21 น.

เผยมหากาพย์โยกย้ายกระทรวงมหาดไทย 'พรพจน์ เพ็ญพาส' กลับสู่เก้าอี้อธิบดีกรมที่ดินอีกครั้ง หลังถูกโยกเป็นรองปลัดกระทรวง ไม่ถึง 2 เดือน ท่ามกลางปมร้อนที่ดินเขากระโดง

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นายพรพจน์ เพ็ญพาส กลับมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินอีกครั้ง หลังจากถูกโยกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ไม่ถึงสองเดือน
  • การย้ายครั้งก่อนมีสาเหตุจากบทบาทในข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวนคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และการขอโอนย้ายตัวเองเพื่อความโปร่งใส
  • การกลับคืนสู่ตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ท่ามกลางการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและการเมืองระดับประเทศ ชื่อของ นายพรพจน์ เพ็ญพาส ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยผู้มีประสบการณ์สูงและผ่านสนามการบริหารมาอย่างโชกโชน กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง

หลังมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เห็นชอบให้เขากลับเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญอย่าง "อธิบดีกรมที่ดิน" หลังจากที่เพิ่งถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่ง "รองปลัดกระทรวงมหาดไทย" ได้ไม่ถึงสองเดือน 

วิศวกรรมศาสตร์สู่การบริหารราชการแผ่นดิน

นายพรพจน์ เพ็ญพาส เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2509 พื้นฐานทางการศึกษาของเขาแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างศาสตร์เชิงวิศวกรรมและรัฐศาสตร์ เขาสำเร็จการศึกษาในระดับ วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2530

และต่อยอดความรู้ด้วยการคว้า วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิตจาก Northrop University สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2533 ก่อนจะเติมเต็มองค์ความรู้ด้านการบริหารราชการด้วยการจบ รัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในปี พ.ศ. 2546

ด้วยการเป็นผู้ใฝ่รู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ นายพรพจน์ได้ผ่านการอบรมในหลักสูตรชั้นสูงมากมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักบริหารระดับประเทศ อาทิ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 57 หลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 46 และหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) รุ่นที่ 24

รวมถึงหลักสูตรด้านหลักนิติธรรมและการพัฒนา (TIJ Executive Program) รุ่นที่ 3 และในฐานะข้าราชการระดับสูงที่มีผลงานโดดเด่น เขาได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) ในปี พ.ศ. 2565

ประสบการณ์ระดับสูง จาก ปภ. สู่ผู้ว่าฯ และอธิบดี

เส้นทางราชการของนายพรพจน์เริ่มต้นจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยไต่เต้าจากหัวหน้าสำนักงาน ปภ. จังหวัด และดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง

เช่น ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในปี 2554 และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ถึง 2560

จากนั้น เขาได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด โดยดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ในช่วงปี พ.ศ. 2560–2561 ก่อนจะกลับเข้าสู่ส่วนกลางเพื่อเป็น รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในหลายบทบาท (พ.ศ. 2561–2563 และอีกครั้งใน พ.ศ. 2565–2568)

และเคยดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ในช่วงปี พ.ศ. 2563–2565 นอกจากนี้ เขายังเคยเป็น กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน และเป็น ประธานกรรมการ การประปาส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ปี 2567

บทบาทกลางพายุ: คดีที่ดินเขากระโดง

จุดที่ทำให้นายพรพจน์ อยู่ในความสนใจของสาธารณะและสื่อมวลชนอย่างยิ่ง คือบทบาทในฐานะ อธิบดีกรมที่ดิน ท่ามกลางข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กว่า 5,000 ไร่

ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งรวมถึงช่วงรักษาการในปี 2567-2568 บทบาทของเขาถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการตั้งคำถามถึงคำสั่งที่ว่าคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติเห็นควร ไม่เพิกถอนหรือแก้ไข เอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง

ประเด็นดังกล่าวทำให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ต้องส่งหนังสือขอให้ นายพรพจน์ ในฐานะอธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงภายใน 7 วัน เนื่องจากข้อสงสัยว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจขัดกับคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครอง

นายภูมิธรรมถึงกับประกาศว่าหากคำชี้แจงไม่น่าพอใจ หรือไม่มีเหตุผลทางกฎหมายที่รองรับ จะมีการตั้งกรรมการสอบเพิ่มเติมทันที

ต่อมา กรมที่ดินได้ชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 และคณะกรรมการฯ มีมติไม่เพิกถอน เนื่องจากขาดพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติได้ รวมถึงการโต้แย้งเรื่องแผนที่ที่ รฟท. นำมาอ้างอิงนั้นไม่ใช่แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา

นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการจะร่วมกับ รฟท. (ซึ่งเป็นคู่กรณี) ในการตรวจสอบแนวเขต อาจทำให้สูญเสียความเป็นกลางและขัดต่อกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทนี้ได้นำไปสู่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินชุดใหม่ โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เพื่อสร้างความชัดเจนและยึดหลักนิติธรรม

และต่อมา เมื่อผลการสอบสวนยืนยันว่าที่ดินเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ก็มีรายงานว่า อธิบดีกรมที่ดินได้ยื่นหนังสือขอโอนย้ายออกจากตำแหน่ง เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างโปร่งใสโดยไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้เขาพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน และได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568

การถูกโยกย้ายออกไปสู่ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงฯ เมื่อเดือนสิงหาคม ดูเหมือนจะเป็นการปิดฉากบทบาทในกรมที่ดินชั่วคราว แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงต่อมาก็ทำให้เกิดการปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ ในที่สุด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 นายพรพจน์ ก็ได้กลับมานั่งเก้าอี้ อธิบดีกรมที่ดิน อีกครั้ง ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ถือเป็นบทพิสูจน์ครั้งใหม่ของผู้นำกรมที่ดินที่ต้องนำพาองค์กรผ่านความซับซ้อนของข้อกฎหมายและข้อพิพาทที่ยังคงอยู่ในความสนใจของสังคมต่อไป