ม.หอการค้าฯ ปรับจีดีพีปี 68 โต 2% รับแรงหนุน 'คนละครึ่งพลัส'
ม.หอการค้าไทย ปรับจีดีพีปี 68 โต 2% เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีรับแรงหนุนจากมาตรการ 'คนละครึ่งพลัส' ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย. ปรับขึ้นแตะ 50.7 สะท้อนการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
KEY
POINTS
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปี 2568 เป็นเติบโต 2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 1.7%
- การปรับเพิ่มจีดีพีได้รับแรงหนุนจากมาตรการ "คนละครึ่งพลัส" และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.4% - 0.5%
- อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยมีการปรับลดเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติลง และความไม่แน่นอนทางการเมือง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ม.หอการค้าได้มีการปรับประมาณการณ์จีดีพีปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นโต 2% จากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อช่วงเดือนมิ.ย. 68 ไว้ที่โต 1.7% เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี และการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น จากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบ ทั้งภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับลดจาก 36 ล้านคนเหลือ 33 ล้านคน ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวลดลงจาก 1.69 ล้านล้านบาทเหลือ 1.55 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนที่ส่งผลต่อประมาณการจีดีพี ยังมีความเสี่ยงจากภาษี Transshipment: การปรับเพิ่มสัดส่วน Local Content เป็น 50-60% อาจทำให้ GDP ลดลงจากกรณีฐาน 0.05-0.10% ด้านความไม่แน่นอนจากรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งข้อตกลงยุบสภาภายใน 4 เดือนสร้างความไม่แน่นอนต่อการลงทุนและความเชื่อมั่น
หากรัฐบาลขาดเสถียรภาพอาจทำให้ GDP ลดลงจากกรณีฐาน 0.75-0.90% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหากสูงกว่าหรือต่ำกว่ากรณีฐาน 1 ล้านคน จะส่งผลทำให้ GDP เพิ่มขึ้นหรือลดลง 0.25% เมื่อเทียบกับกรณีฐาน
นอกจากนี้ จากมาตรการคนละครึ่งพลัสและบัตรสวัสดิการจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.4% - 0.5% แต่ยังมีความไม่แน่นอนด้านชายแดนเป็นตัวลบ
ดังนั้นมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจึงเพิ่มจีดีพีอีก 0.3% โดยคาดว่าทั้งปี 68 จะโต 2% ทั้งนี้โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโต 2-2.5% ยังมีอยู่ โดยต้องตามเรื่องนักท่องเที่ยว การส่งออกโดดเด่นหรือไม่ และรอดูมาตรการนำหนี้ของประชาชนเข้ามาใน AMC จะทำให้ปล่อยสินเชื่อดีขึ้นหรือไม่
นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน ก.ย. 2568 ว่า.ดัชนีปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 50.1 เป็น 50.7 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100
โดยผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
