รัฐบาลกางเป้าอัดทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัน GDP ปี 68 โตเกิน 2.2%

07 ต.ค. 2568 | 07:49 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2568 | 07:50 น.

รัฐบาล กางเป้าหมายอัดทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรายสัปดาห์ หวังผลักดัน GDP ไทยในปี 2568 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2.2% คาดเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนละครึ่งพลัส เติมเงินเข้าระบบ 1.1 แสนล้าน

KEY

POINTS

  • รัฐบาลตั้งเป้าหมายผลักดันเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2.2%
  • อัดฉีดเงินกว่า 1.1 แสนล้านบาทผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนละครึ่งพลัสเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี
  • ปรับปรุงโครงการคนละครึ่งพลัสให้เป็นมาตรการเรือธง โดยขยายเกณฑ์อายุผู้รับสิทธิ์ เพิ่มวงเงินใช้จ่าย และดึงผู้ประกอบการรายย่อยเข้าร่วม

วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายผลักดันมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้ตัวเลข GDP ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.2% โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาสที่ 4 ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นด้านต่าง ๆ ออกมาทุกสัปดาห์ หลังจากมีการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมีโครงการคนละครึ่งพลัสออกมาแล้ว

ทั้งนี้รัฐบาลประเมินการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ภายหลังจากได้อนุมัติการเติมเงินลงไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 2,000 บาท โดยเพิ่มวงเงินลงไปในบัตรอีกคนละ 850 บาท รวม 2 เดือน คือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยจำนวน 13.4 ล้านคน ซึ่งใช้วงเงินงบประมาณรวม 22,780 ล้านบาท

เมื่อรวมกับโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน ซึ่งใช้งบประมาณอีก 44,000 ล้านบาทในส่วนของรัฐบาล และเมื่อรวมเงินของประชาชนที่จะเพิ่มเข้าไปอีกครึ่งคือ 44,000 ล้านบาท จะทำให้มีวงเงินในโครงการนี้รวมกัน 88,000 ล้านบาท และเมื่อรวมทั้งสองโครงการเข้าด้วยกันจะทำให้ในช่วงปลายปี 2568 มีเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจรวมกัน อย่างน้อย 1.1 แสนล้านบาท

“ในช่วงไตรมาสที่ 4 คิดว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่ติดหล่ม เพราะเงินจากโครงการคนละครึ่งพลัส และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีผลต่อ GDP ขั้นต่ำประมาณ 0.6% และจากนี้ไปรัฐบาลจะมีมาตรการอื่นตามมา โดยพยายามจะให้ออกทุกกสัปดาห์ตามมาตรการ Quick Big Win ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 น่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 1% จากมาตรการที่ออกมา” นายเอกนิติ ระบุ

 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวคนละครึ่งพลัส

 

รองนายกฯ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งพลัสที่ออกมาล่าสุดนี้ จะเป็นมาตรการเรือธงของรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินที่กระจายตัวมากขึ้น ซึ่งการดำเนินโครงการรอบนี้ได้ปรับรายละเอียดโครงการจากโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ในรัฐบาลก่อน นั่นคือ ขยายช่วงอายุของผู้ที่ได้รับสิทธิจากเดิมกำหนดอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ลดลงเหลืออายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีสิทธิเข้ามาร่วมโครงการ

ต่อไปคือ การเพิ่มวงเงินในการใช้จ่ายซื้อสินค้าจากเดิมกำหนดให้ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน เป็นไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มวงเงินให้กับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี โดยประชาชนผู้ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91 หรือ ภ.ง.ด. 95 ในปีภาษี 2567 จะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,400 บาทตอคน ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาใช้จ่ายของโครงการ

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เพิ่มกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือไมโครเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ส่วนใหญ่เป็นร้านขนาดเล็กจริง ๆ ได้เข้าร่วมโครงการได้ รวมไปถึงงวิสาหกิจชุมชน และการเข้ามาร่วมในโครงการครั้งนี้รัฐบาลจะเป็นระบบปิดและเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการไม่ถูกส่งข้อมูลต่อไปเก็บภาษีต่อกับกรมสรรพากรด้วย

 

รัฐบาลกางเป้าอัดทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัน GDP ปี 68 โตเกิน 2.2%