KEY
POINTS
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือน ก.ย.2568 เท่ากับ 100.11 ลดลง 0.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นการลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติด นับจากเดือน เม.ย.68 ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวกับ ฐานเศรษฐกิจ โดยอธิบายว่า เงินเฟ้อมี 2 นิยามที่สำคัญ คือ เงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ที่รวมสินค้าทุกชนิด ซึ่งครอบคลุมกลุ่มอาหารและพลังงานที่ผันผวนสูง และขึ้นกับตลาดโลก
และเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ที่นำกลุ่มอาหารกับพลังงานออกไป จึงมักถูกใช้เป็นเครื่องชี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลข สนค. อ้างอิงจากเงินเฟ้อทั่วไป และพบว่ามีการติดลบมาแล้ว 6 เดือน แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวก สะท้อนว่าเศรษฐกิจภายในยังไม่อยู่ในสถานการณ์ “เงินฝืด”
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่เงินเฟ้อพื้นฐานต่ำกว่ากรอบที่ควรจะเป็นที่ร้อยละ 1-3 ต่อปี สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพ การที่เศรษฐกิจโตต่ำในช่วงหลังโควิด-19 เป็นผลมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน และโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอจนการกระตุ้นเศรษฐกิจจะให้ผลได้อย่างจำกัด และเพราะว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจค่อนข้างย่ำแย่ การอัดฉีดระยะสั้นควรเน้นให้ตรงจุดที่เปราะบาง เช่น คนยากจน พื้นที่ชนบท เมืองท่องเที่ยวเมืองรอง ธุรกิจ SMEs พื้นที่น้ำท่วม พื้นที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทไทย-กัมพูชา เป็นต้น
ศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แล้วจะดันให้กลับขึ้นได้อย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่นักวิชาการช่วยกันเสนอคำตอบ ถ้าเป็นพื้นฐานก็เช่น การยกระดับทักษะแรงงาน การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน การหนุนเสริมภาคส่งออก การสนับสนุนการสร้างนวัตกรรม เป็นต้น
ส่วนประชาชนเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง เป็นสัญญาณให้ต้องระวังการใช้จ่าย ไม่ควรก่อหนี้เพื่อการบริโภคที่ใช้แล้วหมดไปโดย เน้นลดรายจ่ายลงเพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา