เอกชนชี้กฏหมายไทยล้าสมัย-ซับซ้อน ฉุดศักยภาพทางเศรษฐกิจ

06 ต.ค. 2568 | 08:11 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2568 | 08:11 น.

เอกชนชี้กฏหมายไทยล้าสมัย ซับซ้อน และการปฏิรูประบบราชการที่ยังไม่จริงจังเป็นจุดอ่อนฉุดศักยภาพทางเศรษฐกิจ แนะรัฐเร่งปฏิรูปยกระดับขีดความสามารถแข่งขัน

KEY

POINTS

  • ผลสำรวจ FTI CEO Poll ชี้ว่าผู้บริหารภาคเอกชนมองว่ากฎหมายที่ล้าสมัย ซับซ้อน และการปฏิรูประบบราชการที่ไม่จริงจัง เป็นจุดอ่อนสำคัญที่ฉุดรั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย
  • ปัญหากฎหมายและระบบราชการดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นสาเหตุหลัก (91.2%) ที่ทำให้การขยายตัวของ GDP ไทยต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
  • ภาคเอกชนเสนอให้ภาครัฐเร่งปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบ พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการอนุมัติอนุญาตเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 46 ในเดือนกันยายน 2568 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับคู่แข่งในภูมิภาค” 

ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ประเมินว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ยังอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งในด้านต้นทุนการผลิต ความสามารถด้านเทคโนโลยี การเข้าถึงตลาด ผลิตภาพแรงงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อม 

โดยส่วนใหญ่เห็นว่าไทยมีข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหากฎหมายที่ล้าสมัย มีความซับซ้อน และการปฏิรูประบบราชการที่ยังไม่จริงจัง ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ฉุดรั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การขยายตัวของ GDP ไทยต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา GDP ไทยเติบโตเพียง 2.8% ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในอาเซียน

ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบราชการให้มีความโปร่งใส คล่องตัว และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการอนุมัติอนุญาต จะช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ลดต้นทุนเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งของรัฐและเอกชน 

อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 145 ท่าน ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สามารถสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 46 จาก 6 คำถาม ประกอบด้วย

เรื่องใดเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค 

  • ความได้เปรียบด้านที่ตั้งและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน 73.8%
  • ศูนย์กลางการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรระดับโลก 40.7%
  • ห่วงโซ่อุปทานและฐานการผลิตที่ครบวงจร 31.7%
  • จุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค 28.3%

เรื่องใดเป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่ทำให้ GDP ขยายตัวต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค

  • กฎหมายที่ล้าสมัย ซับซ้อน และขาดการปฏิรูประบบราชการ 91.2%
  • ความล่าช้าในการดำเนินนโยบายและการลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ 51.3%
  • การพึ่งพาอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่มีมูลค่าไม่สูง 46.9%
  • การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและปัญหาหนี้ครัวเรือน 43.4%

ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยอยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค 

  เอกชนชี้กฏหมายไทยล้าสมัย-ซับซ้อน ฉุดศักยภาพทางเศรษฐกิจ   

ปัจจัยเรื่องใดที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย

  • การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง และการพัฒนากำลังคนที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 57.2%
  • การขาดการพัฒนาสินค้าทำให้ได้รับความนิยมลดลง ผลกระทบจากสินค้าทุ่มตลาดและการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาค 45.5%
  • การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจรวมทั้งขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรม 44.8%
  • มาตรการทางการค้าของประเทศมหาอำนาจ และผลกระทบจากสงครามการค้า 40.0%

ภาครัฐควรเร่งดำเนินการในเรื่องใด เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย

  • การปฏิรูปกฎหมายกฎระเบียบ และพัฒนาระบบราชการโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการอนุมัติอนุญาตภาครัฐ  66.9%
  • การปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ เช่น ค่าไฟฟ้า วัตถุดิบ โลจิสติกส์ เป็นต้น 51.0%
  • การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 42.8%
  • การยกระดับผลิตภาพแรงงานและพัฒนากำลังคนด้วยการ  Upskill, Reskill, New Skills 33.1%

อุตสาหกรรมเป้าหมายใด (S-Curve) จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต

  • การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ     34.5%
  • การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  34.5%
  • การแพทย์ครบวงจร  26.9%
  • การแปรรูปอาหาร  22.8%
  • ยานยนต์สมัยใหม่  20.0%
  • อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ  18.6%

เอกชนชี้กฏหมายไทยล้าสมัย-ซับซ้อน ฉุดศักยภาพทางเศรษฐกิจ