'คนละครึ่งพลัส' พร้อมชงครม.พรุ่งนี้ แจก 20 ล้านคน สูงสุด 2,400 บาท

06 ต.ค. 2568 | 07:39 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2568 | 07:42 น.

รองนายกฯ ‘เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ’ ยืนยัน 'คนละครึ่งพลัส' พร้อมเสนอเข้าที่ประชุมครม. วันที่ 7 ตุลาคม นี้ แจก 20 ล้านคน สูงสุด 2,400 บาท หวังฟื้นเศรษฐกิจในระยะสั้นในช่วงไตรมาสที่ 4

KEY

POINTS

  • กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในวันที่ 7 ตุลาคม นี้
  • โครงการตั้งเป้าผู้ได้รับสิทธิ์ 20 ล้านคน โดยประชาชนทั่วไปจะได้รับเงิน 2,000 บาท และผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับ 2,400 บาท
  • จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังในวันที่ 20-26 ตุลาคม และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568

วันนี้ (6 ตุลาคม 2568) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ตุลาคม นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมครม. อนุมัติ โครงการคนละครึ่งพลัส วงเงินงบประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ 2569 และงบกลาง 1.9 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด 20 ล้านคน 

“คลังจะเสนอ คนละครึ่งพลัส เข้าครม.วันพรุ่งนี้แน่นอน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ Quick Big Win ถือเป็นเสาแรกที่รัฐบาลตั้งใจจะฟื้นเศรษฐกิจในระยะสั้นในช่วงไตรมาสที่ 4 และช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนไปใช้จ่าย พร้อมเพิ่มทักษะให้พ่อค้าแม่ค้าในการใช้แอปพลิเคชันด้วย” นายเอกนิติ ระบุ

สำหรับไทม์ไลน์ของ โครงการคนละครึ่งพลัส รัฐบาลยังกำหนดไว้ตามเดิมดั้งนี้ 

  • วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
  • วันที่ 20-26 ตุลาคม 2568 เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง 
  • วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เริ่มการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง

นายเอกนิติ กล่าวว่า การผลักดันโครงการคนละครึ่งครั้งนี้ เมื่อรวมกับการเติมเงินลงไปยังโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนหน้านี้ จะครอบคลุมจำนวนประชากรทั้งหมด 33.4 ล้านคน ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 

สำหรับการจัดสรรเงินลงไปให้ประชาชนผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส กำหนดให้ประชาชนทั่วไปจะได้รับเงินจากรัฐโอนลงไปยังแอปพลิเคชันเป๋าตัง คนละ 2,000 บาท แต่หากเป็นประชาชนที่อยู่ในระบบภาษี จะได้รับการโอนเงินลงไปคนละ 2,400 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี โดยการดำเนินโครงการครั้งนี้น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจ โดยช่วยเพิ่มตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประมาณ 0.3-0.4%