โครงการคนละครึ่งพลัส ถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญในช่วงปลายปี 2568 โดยมุ่งเน้นการลดภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รัฐบาลได้ปรับเงื่อนไขให้เข้าถึงประชาชนได้กว้างขวางและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน
สรุปคุณสมบัติและสิทธิประโยชน์ "คนละครึ่งพลัส"
โครงการ คนละครึ่งพลัส รอบใหม่นี้ ได้ปรับเกณฑ์และแบ่งกลุ่มผู้ได้รับสิทธิอย่างชัดเจน รัฐบาลต้องการให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างตรงจุด โดยมีคุณสมบัติพื้นฐานและวงเงินดังนี้ :
กลุ่มผู้ได้รับสิทธิ
- กลุ่มผู้เสียภาษี (อยู่ในระบบภาษี) 2,400 บาท รัฐช่วยจ่าย 50%
- กลุ่มทั่วไป (ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี) 2,000 บาท รัฐช่วยจ่าย 50%
- กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2,000 บาทรัฐจ่ายเต็ม 100% ได้รับการเติมเงินเพิ่มจากเดิม 300 บาท เป็น 2,000 บาท ไม่ต้องร่วมจ่าย
คุณสมบัติหลัก: สัญชาติไทย มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และ ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ยกเว้นผู้ที่ได้รับสิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามตารางด้านบน)
- วงเงินใช้จ่าย/วัน: กำหนดให้รัฐสมทบเงินสูงสุด 200 บาทต่อวัน ตลอดระยะเวลาโครงการ
ไทม์ไลน์และช่องทางลงทะเบียน
การลงทะเบียนและการใช้จ่ายจะถูกกำหนดด้วยระบบ แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และมีกำหนดการที่ชัดเจน ดังนี้:
- ร้านค้า: เปิดลงทะเบียนผ่านแอปฯ "ถุงเงิน" หรือติดต่อ ธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่ วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
- ประชาชน (ทั่วไป): เปิดลงทะเบียนผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" สำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วม หรือ กดยืนยันสิทธิ สำหรับผู้เคยเข้าร่วมแล้ว ตั้งแต่ วันที่ 20 - 26 ตุลาคม 2568
- เริ่มใช้สิทธิ: วันที่ 29 ตุลาคม 2568 จนถึงสิ้นสุดโครงการ
กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน/เปราะบาง: ลงทะเบียนที่ไหน?
- สำหรับ กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือ กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่ไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ได้ รัฐบาลได้จัดช่องทางการรับสิทธิที่แตกต่างออกไป เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม:
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่)บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ระบบจะ เติมเงิน 2,000 บาท เข้าบัตรโดยตรง สามารถนำบัตรไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยไม่ต้องใช้แอปฯ เป๋าตัง
- กลุ่มเปราะบางที่ไม่มีสมาร์ทโฟน (และไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ)รอการประกาศสำหรับกลุ่มนี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ แต่ไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการฯ และไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ลงทะเบียนผ่าน ธนาคารกรุงไทย หรือช่องทางอื่น ๆ ที่ไม่ต้องใช้แอปฯ โดยอาจใช้ บัตรประชาชน ในการยืนยันตัวตนและการใช้จ่าย (ต้องติดตามประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง)
คำแนะนำ: ผู้ที่อยู่ในกลุ่ม ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้สิทธิได้โดยอัตโนมัติ ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ให้เตรียมบัตรประชาชน และติดตามประกาศจาก ธนาคารกรุงไทย อย่างใกล้ชิดในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2568.