ครั้งแรก สคบ. คุมธุรกิจเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ เครื่องจักรกลการเกษตร
สคบ. ออกประกาศคุมเข้มธุรกิจเช่าซื้อ รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลการเกษตร เป็นครั้งแรก ช่วยคุ้มครองเกษตรกรและผู้บริโภค บังคับใช้ 10 มกราคม 2569
KEY
POINTS
- สคบ. ออกประกาศให้ธุรกิจเช่าซื้อรถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลการเกษตรเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาเป็นครั้งแรก
- กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ 10 มกราคม 2569 เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกร โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่เกิน 15% ต่อปี
- ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดทำสัญญาให้มีสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษ
วันนี้ (29 กันยายน 2568) นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตรและเครื่องจักรกลการเกษตร เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
ทั้งนี้เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการทำสัญญาเช่าซื้อและป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะเกษตรกรถูกเอาเปรียบจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
สำหรับกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคในภาคเกษตรกรรม โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องใช้ข้อสัญญาที่เป็นธรรม และข้อสัญญาต้องมีสาระสำคัญตามแบบสัญญามาตรฐาน ตามที่กฎหมายกำหนด
พร้อมทั้งต้องเปิดเผยรายละเอียดที่สำคัญ เช่น รายละเอียดการชำระราคาค่าเช่าซื้อ วิธีการคำนวณเงินที่ผู้บริโภคต้องชำระ ผู้บริโภคสามารถขอผ่อนผันระยะเวลาชำระหนี้เงินค่าเช่าซื้อ ส่วนลดกรณีผู้บริโภคปิดบัญชีค่าเช่าซื้อ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Interest Rate) ต้องไม่เกินอัตรา 15% ต่อปี รวมถึง สิทธิในการบอกเลิกสัญญาของผู้บริโภค และตารางแสดงภาระหนี้ เป็นต้น
“ที่ผ่านมามีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยได้รับความเดือดร้อนจากสัญญาเช่าซื้อที่ไม่โปร่งใสขาดความเป็นธรรม ส่งผลให้มีภาระหนี้สินบานปลาย การออกประกาศฉบับนี้จะช่วยลดปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรและผู้บริโภค” นายรณรงค์ กล่าว
หากผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษตามที่กำหนด ซึ่ง สคบ. จะติดตาม กำกับ และเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ดังนั้น สคบ. จึงขอแจ้งไปยังผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อรถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลการเกษตรทุกแห่งให้ปรับปรุงสัญญาให้เป็นไปตามแบบที่กฎหมายกำหนด และขอให้ผู้บริโภคตรวจสอบสัญญาอย่างรอบคอบ
หากผู้บริโภคพบปัญหาหรือได้รับความเสียหาย สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1166 ร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือ เว็บไซต์ www.ocpb.go.th รวมถึงคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดทุกจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้บ้าน เมืองพัทยา และสำนักงานเขตทุกแห่งในกรุงเทพมหานคร
อีกทั้งยังสามารถใช้ช่องทางดิจิทัลผ่านระบบ Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้บริโภค