‘ธนกร’ หนุนเร่งใช้ ‘คนละครึ่ง’ กระตุ้นเศรษฐกิจ แนะเพิ่มเฟส 2

26 ก.ย. 2568 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2568 | 05:30 น.

‘ธนกร’ หนุนเร่งใช้โครงการ ‘คนละครึ่ง’ เชื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยประชาชนแนะเพิ่มเฟส 2 แย้มขยายสิทธิ์ไปถึงเยาวชน

KEY

POINTS

  • นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม สนับสนุนให้เร่งดำเนินโครงการ ‘คนละครึ่ง’ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • เสนอแนะว่าโครงการไม่ควรมีเพียงเฟสเดียว และควรมีการดำเนินการต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือประชาชน
  • เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และอาจมีการพิจารณาขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมกลุ่มเยาวชนด้วย

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการ ‘คนละครึ่ง’ ถือว่าเป็นมาตรการที่ดีที่ต้องเร่งดำเนินการ และไม่ต้องการให้มีแค่เฟสเดียว

ทั้งนี้ ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาตนพูดเสมอในรัฐสภาว่าประชาชนเดือดร้อน ต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน โดยการที่ประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่ง และรัฐบาลช่วยจ่ายให้อีกครึ่งหนึ่ง หรือคนละครึ่งนั้น เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะจะไม่ได้ให้สิทธิ์แค่เพียง 14.5 ล้านคน ซึ่งเท่าที่รับทราบข้อมูลอาจจะมีการขยายสิทธิ์ไปถึงเยาวชนด้วย

ขณะที่ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมก็จะเข้าไปดูในรายละเอียดว่า มีความเกี่ยวข้องอย่างไร และจะสามารถสนับสนุนอะไรได้บ้าง

อย่างไรก็ดี ยังให้ความสำคัญกับการเร่งผลักดัน พ.ร.บ.กากอุตสาหกรรม ฉบับแก้ไข ซึ่งทีมงานของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต รมว.อุตสาหกรรมได้วางไว้ โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของกระทรวงการคลัง 

‘ธนกร’ หนุนเร่งใช้ ‘คนละครึ่ง’ กระตุ้นเศรษฐกิจ แนะเพิ่มเฟส 2

นายธนกร กล่าวอีกว่า สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจทำก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาคือการมาตรการออกมาอย่างรวดเร็ว หรือควิกวิน (Quick win) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเป็นลำดับแรก เช่น การเสริมสภาพคล่อง การแก้ปัญหาหนี้ต่างๆ รวมไปถึงการป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์ และสินค้าทะลักเข้าไทยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนที่ปัจจุบันมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีมาตรการในการป้องกัน และคุมเข้มเรื่องดังกล่าวนี้

นอกจากนี้ โรงงานอุตสาหกรรมที่ดีก็จะต้องส่งเสริม แต่โรงงานอุตสาหกรรมที่มีปัญหา ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ และมีปัญหาก็ต้องเด็ดขาด เพราะภาคอุตสาหกรรมต้องอยู่กับชุมชน ไม่ใช่ว่าลงทุนอย่างเดียวแล้วสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยไม่สนใจชุมชน นี่คือสิ่งสำคัญ

ขณะที่ในระยะยาว จะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อนาคต โดยได้มีการเตรียมดำเนินการไว้แล้ว เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ส่วนนโยบายที่ถูกวางไว้ดีอยู่แล้วจากนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรมคนเดิมก็จะสานต่อ 

“ใน 4 เดือนอย่างน้อยที่สุดอุตสาหกรรมจะต้องดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเอสเอ็มอี ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจุบัน กลุ่มดังกล่าวค่อนข้างลำบาก การเข้าถึงแหล่งทุนค่อนข้างยาก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ การให้แต้มต่อเอสเอ็มอี โดยต้องไปดูว่าที่ผ่านมา มีเอสเอ็มอีปลอมจากการที่บริษัทใหญ่ตั้งขึ้นมา เพื่อต้องการแต้มต่อจากรัฐบาล ก็จะเข้าไปดู ต้องช่วยเอสเอ็มอีที่แท้จริง”