การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบร่างคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา พร้อมมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปประสานรวมทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดพิมพ์และแจกจ่ายเอกสารคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาต่อไปนั้น
ล่าสุดแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ร่างคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ครั้งนี้ รัฐบาลได้จัดทำเป็นเอกสารความยาวกว่า 37 หน้า โดยบรรจุแนวนโยบายของรัฐบาลไว้ครอบคลุม 5 ด้านที่สำคัญ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแนวทางการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 15 เรื่องสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1.การสร้างรายได้ และลดรายจ่าย ทั้งพลังงาน น้ำดื่ม ค่าโดยสาร และค่าผ่านทาง พร้อมจัดทำโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ส่งเสริมการใช้พลังงานแสดงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าภาคครัวเรือน
2.การแก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่อง โดยมีแนวนโยบายแก้หนี้สินรายบุคคลรายละไม่เกิน 1 แสนบาท และช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท
3.การเพิ่มโอกาสการออมของประชาชน ทั้งการซื้อพันธบัตร และการออกสลากเพื่อส่งเสริมการออม
4.การสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว ผ่านการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี
5.การแก้ไขผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเตรียมตั้งทีมไทยแลนด์ มาดำเนินการตลาดเชิงรุกโดยเฉพาะการเปิดตลาดการค้าใหม่ ดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ และปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อการแข่งขันในปัจจุบัน
6.เร่งแก้ปัญหาข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำประชามติเเกี่ยวกับการยกเลิก MOU
7.แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
8.การปราบปรามการพนันผิดกฑหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง และไม่สนับสนุนสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
9.รักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นบังคับใช้กฎหมายปราบปรามยาเสพติด บ่อนการพนัน อาชญากรข้ามชาติ ภัยไซเบอร์ การหลอกลวงประชาชน และห้ามใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
10.แก้ปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและเด็ดขาด
11.พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยดำเนินมาตรการป้องกันและขจัดบ่อนการทำลายพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
12.การเร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติในพื้นที่ความเสี่ยงสูง พร้อมฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
13.การผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด พัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม และจัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรการสากล และพลักดันพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
14.เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ผลักดันกฎหมายยกระดับการบริหารภาครัฐทันสมัย
15.เร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบที่เนอุปสรรคต่อประชาชนและภาคธุรกิจ ผ่านการกิโยตินกฎหมาย และเสนอกฎหมายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล