เฮ มติครม. เห็นชอบ ‘โครงการคนละครึ่ง’ เป็น 1 ในนโยบายรัฐบาลแถลงต่อสภาฯ
ชัวร์แล้ว มติครม.นัดพิเศษ เห็นชอบร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล มีโครงการคนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการใช้จ่าย คัมแบ็กปลายปี เตรียมแถลงสภาฯสัปดาห์หน้า
KEY
POINTS
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้นำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้อีกครั้ง โดยบรรจุไว้ในร่างนโยบายของรัฐบาล
- โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงปลายปี 2568
- ร่างนโยบายรัฐบาลที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว จะถูกนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อแถลงอย่างเป็นทางการต่อไป
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ล่าสุด มีมติเห็นชอบให้นำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้อีกครั้ง โดยบรรจุไว้ในร่างนโยบายของรัฐบาล เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงปลายปี 2568
วันนี้ (24 กันยายน 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษ ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 19.15 น.
เป็นการประชุมครม.ต่อทันที ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
วาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือการพิจารณาร่างนโยบายของรัฐบาลเพื่อแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งได้จัดทำเสร็จสิ้นและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สิ่งที่ประชาชนและภาคเอกชนกำลังจับตาเป็นอย่างยิ่ง คือแนวนโยบายระยะเร่งด่วนที่บรรจุอยู่ในร่างคำแถลง โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการนำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้ใหม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ โดยเปิดเผยถึงมาตรการเร่งด่วน 4 ด้าน ที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ
มาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน
ด้านเศรษฐกิจและค่าครองชีพ รัฐบาลจะมุ่งลดรายจ่ายให้กับประชาชนเป็นหลัก โดยเตรียมผลักดันโครงการ "คนละครึ่ง" อีกครั้ง พร้อมลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าพลังงาน นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงและใช้พลังงานทดแทนได้สะดวกขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคาข้าวและมันสำปะหลัง ผ่านมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะราคาปุ๋ย และส่งเสริมให้เกิดการทำเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ด้านความมั่นคง: ในกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลจะใช้ทั้งมาตรการทาง การทหารและทางการทูต ควบคู่กันไป เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยอย่างเต็มที่
ด้านภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ: รัฐบาลจะเร่งปรับปรุงระบบเตือนภัยและป้องกันภัย รวมถึงปรับปรุงกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที และป้องกันการทุจริตควบคู่ไปกับการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านภัยสังคม: รัฐบาลประกาศจะ ปราบปรามอย่างจริงจัง กับกระบวนการค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ และเครือข่ายฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยอาจถึงขั้นให้ออกจากราชการและดำเนินคดีอาญาอย่างร้ายแรง
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะ ไม่สนับสนุนธุรกิจการพนัน จะไม่มีการจัดตั้ง Entertainment Complex ที่มีบ่อนกาสิโน และจะไม่มีการพนันออนไลน์ที่ถูกกฎหมายอย่างแน่นอน
การปฏิรูปการศึกษา สาธารณสุข และการเมือง
นอกเหนือจาก 4 มาตรการเร่งด่วนข้างต้น รัฐบาลยังได้วางนโยบายระยะยาวเพื่อยกระดับประเทศ โดยจะจัดทำระบบ สาธารณสุข ให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกวัยเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง พร้อมปฏิรูป กฎหมายด้านการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมของคนไทยให้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในด้านการเมือง นายอนุทินระบุว่า รัฐบาลจะจัดให้มีการทำ ประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศในอนาคต