‘ศุภจี’ แบ่งรับแบ่งสู้นั่ง แคนดิเดตนายกฯ ภท. ขอคุยครอบครัวก่อน

18 ธ.ค. 2568 | 09:16 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ธ.ค. 2568 | 09:32 น.

'ศุภจี' รมว.พาณิชย์ แบ่งรับแบ่งสู้แคนดิเดตนายกฯ อยู่ระหว่างหารือครอบครัวและผู้เกี่ยวข้อง ชี้เป็นหน้าที่สำคัญระดับประเทศต้องรอบคอบ

KEY

POINTS

  • นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ยอมรับว่าได้รับการทาบทามเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย แต่ยังอยู่ในกระบวนการตัดสินใจ
  • ระบุว่าการตัดสินใจต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และจำเป็นต้องหารือกับครอบครัวอย่างถี่ถ้วนก่อน
  • ยังไม่ทราบรายละเอียดกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ในวันเสาร์นี้ โดยยืนยันว่าต้องมีการพูดคุยให้ชัดเจนก่อน

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวการได้รับการทาบทามให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการพูดคุยและตัดสินใจ ซึ่งจำเป็นต้องหารือร่วมกับครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวมีความสำคัญสูงและส่งผลกระทบต่อทิศทางของประเทศ

"หน้าที่ที่ได้รับการทาบทามเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องของประเทศชาติ จึงต้องพิจารณาในทุกมิติทั้งข้อดีและข้อเสียต่อส่วนรวม เมื่อมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง" นางศุภจี กล่าว

เมื่อนักข่าวถามว่า ต้องคุยกับครอบครัวก่อนใช่ไหม นางศุภจี ระบุว่า ต้องคุยกับทุกคนเพราะว่าแค่นี้ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำมาตั้งแต่แรกถ้าในฐานะของประชาชนคนหนึ่ง ครอบครัวก็มีความสุขดี เพราะว่าสิ่งที่ทำก็ได้ผลประโยชน์กลับไปให้กับประชาชน

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย จะมีการประกาศรายชื่อแคนดิเดตในวันเสาร์นี้นั้น นางศุภจี ระบุว่า ยังไม่ทราบต้องมีการคุยรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน โดยตนเองเน้นความตั้งใจในการเข้ามาทำงานเป็นหลัก และต้องมั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นประโยชน์เพิ่มเติมต่อประเทศชาติ

 

" ตอนนี้ต้องคุยกันหลายเรื่อง พยายามที่จะสนับสนุนให้มากที่สุด ตอนนี้ยังทำหน้าที่เป็น รมว.พาณิชย์ แล้วก็พยายามจะช่วยสนับสนุนทางรัฐบาลถึงแม้ว่าจะยุบสภาไปแล้ว"

 

 

สำหรับประเด็นที่มีการประชุม ครม. นัดพิเศษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้สนับสนุนข้อมูลด้านการส่งออก เพื่อประกอบการพิจารณาใช้กลไกทางการเงินในการดูแลผู้ประกอบการและรักษาเสถียรภาพทางการค้า

นอกจากนี้ ยังยืนยันถึงความต่อเนื่องในการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ภายหลังการยุบสภา โดยระบุว่าข้าราชการยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายหลัก 7 ด้านอย่างเต็มกำลัง และไม่มีสถานการณ์เกียร์ว่าง เกิดขึ้น โดยเฉพาะการดูแลค่าครองชีพและราคาสินค้า ซึ่งล่าสุดได้มอบหมายให้อธิบดีกรมการค้าภายในเร่งตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันตามสถานีบริการต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้

" ภายหลังการยุบสภาข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ยังทำงานปกติไม่มีการ "ใส่เกียร์ว่าง" หรือหยุดการปฏิบัติหน้าที่ โดยยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายหลัก 7 ด้านอย่างต่อเนื่อง"