ไมโครซอฟท์ ฝากการบ้าน รมว.DE-รัฐบาลใหม่ เร่งดัน AI พลิกฟื้นเศรษฐกิจ

19 ก.ย. 2568 | 04:35 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2568 | 05:08 น.

ไมโครซอฟท์ ฝากถึงรัฐมนตรีดิจิทัลคนใหม่-รัฐบาลใหม่ ผลักดัน AI เป็น “Agent ของประเทศ” และนโยบายลำดับต้นของรัฐบาล พร้อมจัดสรรงบลงทุน-สร้างโครงสร้างพื้นฐาน หนุนภาคธุรกิจและแรงงานไทยก้าวสู่การแข่งขันโลก ย้ำลงทุน Data Center ตามแผน

KEY

POINTS

  • ไมโครซอฟท์ เสนอให้รัฐบาลใหม่- รมว.ดีอีคนใหม่ ผลักดัน AI ให้เป็นวาระแห่งชาติและนโยบายสำคัญลำดับแรก เพื่อใช้เป็นเครื่องมือพลิกฟื้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • ภาครัฐควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME นำ AI มาใช้เพื่อลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และหาตลาดใหม่
  • ต้องเร่งสร้างการรับรู้และพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับประชาชน เพื่อลดช่องว่าง (AI Gap) และส่งเสริมให้คนไทยใช้ AI เป็นเครื่องมือสร้างอาชีพและโอกาสใหม่

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สิ่งที่อยากฝากถึงนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) คนใหม่ รวมถึงรัฐบาลใหม่  คือการผลักดัน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดให้เป็นหนึ่งใน “Top Priority” ของนโยบายภาครัฐ เพื่อใช้ AI เป็น “Agent ของประเทศ” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย

“ภาครัฐต้องมอง AI เป็นเครื่องมือเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ และควรจัดสรรงบลงทุน รวมถึงสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการใช้งานในวงกว้าง ทั้งในภาคราชการ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป AI จะเป็นโอกาสสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของประเทศไทย และต่อยอดจุดแข็งที่เรามี เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ ไปด้วยกัน”

ไมโครซอฟท์ ฝากการบ้าน รมว.DE-รัฐบาลใหม่ เร่งดัน AI พลิกฟื้นเศรษฐกิจ เร่งใช้ AI ลดต้นทุน สร้างตลาดใหม่ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ

เขาระบุว่า ปัญหาหลักของไทยในปัจจุบันคือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ดังนั้นการนำ AI มาใช้ในเชิงปฏิบัติจะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และค้นหาตลาดใหม่ ๆ ได้ หากบริษัทไทยสามารถยกระดับด้วย AI เศรษฐกิจโดยรวมก็จะฟื้นตัวและเติบโตได้

“AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจไทยขนาดเล็ก กลาง และใหญ่มีโอกาสแข่งขันในตลาดโลก แม้ต้นทุนแรงงานหรือภาษีนำเข้าจะสูงขึ้น เราก็สามารถใช้ AI หา Alternative Market เพื่อขยายธุรกิจได้”

National AI Sandbox จุดเริ่มยกระดับ SME

ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนา โครงการ National AI Sandbox เพื่อให้ SME ไทยกว่า 1,000 ราย เข้ามาทดลองใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขัน  โดย Sandbox นี้จะเป็นพื้นที่ทดสอบที่ทำให้ SME ใช้ AI เพื่อลดต้นทุน ค้นหาตลาดใหม่ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน”

ทั้งนี้ไทยมี SME มากกว่า 3.2 ล้านราย การนำ AI มาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางจะเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก โดยไมโครซอฟท์ได้หารือกับ สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าไทย และสภาดิจิทัลฯ เพื่อร่วมกันผลักดันการนำ AI เข้ามาใช้ในภาคธุรกิจไทย

ไมโครซอฟท์ ฝากการบ้าน รมว.DE-รัฐบาลใหม่ เร่งดัน AI พลิกฟื้นเศรษฐกิจ

ผลักดันการสร้าง Awareness และปิดช่องว่างทักษะ AI

นอกจากโครงสร้างพื้นฐานและเงินทุนแล้ว สิ่งสำคัญคือการสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้ประชาชนไทยเข้าใจและใช้ AI ได้จริง โดยไทยยังช่องว่าง “AI Gap” ขนาดใหญ่ หากไม่เร่งปิดช่องว่างนี้ จะทำให้คนไทยเสียโอกาสในการแข่งขัน

“ผมอยากให้คนไทยไม่ต้องกลัวว่าจะตกงานเพราะ AI แต่ควรใช้ AI เพื่อสร้างอาชีพใหม่ ธุรกิจใหม่ และโอกาสใหม่ในอนาคต ไม่ว่าจะด้านการบริการ การตลาด หรือแม้กระทั่งการสร้างคอนเทนต์และงานบันเทิง”

เขากล่าว พร้อมชี้ว่า AI สามารถทำให้แรงงานไทยเปลี่ยนจากผู้ใช้เทคโนโลยีมาเป็น Creator ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเองและประเทศได้

สิงคโปร์ลงทุน AI มหาศาล

เขาเปรียบเทียบว่า ประเทศที่เป็นผู้นำด้าน AI เช่น สิงคโปร์ ได้ลงทุนจำนวนมากและมีมาตรการสนับสนุนเชิงโครงสร้าง เช่น รัฐบาลช่วยจ่าย 50% ของค่าใช้จ่ายเพื่อให้ SME นำ AI มาใช้ ขณะที่อีก 50% SME รับผิดชอบเอง ส่งผลให้ธุรกิจในประเทศสามารถเร่งการ Adopt AI ได้อย่างรวดเร็ว

ตรงกันข้าม หากดูรายงานระดับนานาชาติ ไทยยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศหลัง ๆ แต่เขาย้ำว่า “อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ” เพราะ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ไมโครซอฟท์ ฝากการบ้าน รมว.DE-รัฐบาลใหม่ เร่งดัน AI พลิกฟื้นเศรษฐกิจ AI ยังอยู่ช่วง Early Stage ไทยยังมีโอกาส

นายธนวัฒน์ ระบุว่า Generative AI เพิ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 หลังการเปิดตัว ChatGPT ในปลายปี 2022 ซึ่งหมายความว่ายังไม่มีประเทศใดเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน แม้สหรัฐฯ จะถือเป็นผู้นำด้าน AI แต่ GDP ยังไม่ได้โตพรวดพราด 10-15% สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเกมยังอยู่ในช่วงต้น ประเทศไทยจึงยังมีโอกาสก้าวขึ้นมาได้”

“ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โลกจะเห็นผลชัดเจนขึ้นว่า การใช้ AI อย่างจริงจังสามารถสร้าง New Innovation, New Business Model และ New Competitive Advantage ให้กับประเทศและองค์กรต่าง ๆ ได้”

นายธนวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่าจุดเปลี่ยนที่สำคัญในวันนี้คือการขยับจากการใช้ AI ในระดับทดลอง (Experiment) มาสู่การใช้งานจริงในระดับองค์กร (Adoption at Scale) ตัวอย่างเช่น SCBX และ SCGC ที่เริ่มใช้ AI จากพนักงานหลักร้อย ขยายไปสู่ทั้งองค์กรกว่า 5,000 คน ซึ่งสะท้อนว่าองค์กรไทยกำลังยกระดับการใช้ AI อย่างจริงจัง

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร ทั้งกลยุทธ์ และวิสัยทัศน์”

Data Center ยังเดินหน้าตามแผน แม้รัฐบาลเปลี่ยนผ่าน

สำหรับความคืบหน้าการลงทุน Data Center ของไมโครซอฟท์ในไทย ขอยืนยันว่า ทุกอย่างยังดำเนินการตามแผน แม้มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล   โดย  AI เป็นเรื่องสำคัญสำหรับไมโครซอฟท์ ทุกโครงการที่เราทำร่วมกับพันธมิตรยังคงเดินหน้าตามที่กำหนดไว้”