KEY
POINTS
แหล่งข่าวจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า แม้การเมืองไทยเวลานี้จะอยู่ในช่วงสุญญากาศ รอจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แต่จากการหารือกับนักลงทุนต่างชาติพบว่า ยังเชื่อมั่นลงทุนประเทศไทยเพราะนโยบายการลงทุนของไทยค่อนข้างนิ่ง
ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าวทำให้ กนอ. ยังคงตั้งเป้าหมายดึงการลงทุนไทยผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านการลงทุน ทั้งการเตรียมนิคมอุตสาหกรรม การจัดการสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า น้ำ ให้เพียงพอกับภาคการผลิต
และการเตรียมแรงงานให้มีความพร้อม ที่ปัจจุบันฟิวเจอร์สกิล คือทิศทางสำคัญที่อุตสากรรมเป้าหมายต้องการ
โดยในมุมคนทำงานแรงงานถือว่ามีความสำคัญมาก ซึ่งต้องตอบโจทย์ ต้องตกแต่งให้พร้อมรองรับความต้องการของผู้ประกอบการที่การผลิตเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี ดังนั้นเวลานี้ กนอ.จึงกำลังเดินหน้าปั้นแรงงานที่มีฟิวเจอร์สกิลอย่างเข้มข้น
ส่วนจำนวนแรงงานที่ชัดเจนต้องประเมินตัวเลขควบคู่กับตัวเลขการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) และตัวเลขเศรษฐกิจจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์อีกครั้ง แต่คาดว่าจะหลักหมื่นถึงแสนคน เพราะปัจจุบันโรงงานในนิคมฯมีจำนวน 5,000 แห่ง แรงงานมีถึง 1 ล้านคน
และจากตัวเลขของบีโอไอก็พบว่ามีคำขอลงทุนเข้ามาเกิน 1 ล้านล้านบาทในครึ่งปี 2568 และปี 2567 ก็ทะลุ 1 ล้านล้านบาทเช่นกัน จากคลื่นการลงทุนดังกล่าว แรงงานไทยจึงต้องมีสกิลพร้อมทำงาน
อย่างไรก็ดี ล่าสุด กนอ.ได้สถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม ภายใต้ กนอ. เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทักษะสูง พร้อมเปิดหลักสูตร ผู้นำอุตสาหกรรมยั่งยืนและสีเขียว (SGIL) รุ่นที่ 1 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับสูง 67 คนให้พร้อมนำองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว รับมือมาตรการการค้าโลก เช่น CBAM และเป้าหมาย Carbon Neutrality ของประเทศ
โดยการจัดตั้งสถาบันวิทยาการอุตสาหกรรมและหลักสูตรดังกล่าว เป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาทักษะแรงงานไม่ตรงกับความต้องการ (Skill Mismatch) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดึงดูดการลงทุน
“สถาบันฯ จะทำหน้าที่ทั้งจัดอบรม สร้างฐานข้อมูลแรงงาน และเป็นศูนย์กลางเครือข่าย เพื่อพัฒนากำลังคนให้มีทักษะแห่งอนาคต (Future Skill Labor) รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ”