สภาฯถกวันนี้ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพิ่มวันหยุด-ลดเวลาทำงาน

17 ก.ย. 2568 | 22:24 น.

จับตา ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ 18 ก.ย.68 เตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ฉบับ ทั้งเสนอให้มีวันลาสำหรับแรงงานสตรีที่ปวดประจำเดือน รวมทั้งการเพิ่มวันหยุดและลดเวลาทำงาน

KEY

POINTS

  • สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยและยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน
  • เสนอให้ลดชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์จากไม่เกิน 48 ชั่วโมง เหลือไม่เกิน 40 ชั่วโมง
  • เสนอให้เพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์จาก 1 วัน เป็น 2 วัน และเพิ่มสิทธิลาพักผ่อนประจำปีจาก 6 วัน เป็น 10 วัน
  • มีการเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น สิทธิลาเนื่องจากมีประจำเดือนโดยไม่ถือเป็นวันลาป่วย และสิทธิลาเพื่อดูแลบุคคลในครอบครัว

วันนี้ (18 กันยายน พ.ศ. 2568) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีวาระสำคัญที่ต้องจับตา คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

โดยร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีเป้าหมายหลักในการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยกว่า 30 ล้านคน ที่กำลังประสบปัญหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ.

ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ 1 มุ่งเน้นเวลาทำงานและวันหยุดพักผ่อน

ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานที่เสนอโดย นายจรัส คุ้มไข่น้ำ กับคณะ มีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นหลักดังนี้:

ระยะเวลาการทำงาน

  • เสนอให้รวมเวลาทำงานทั้งสิ้นในหนึ่งสัปดาห์ต้องไม่เกิน 40 ชั่วโมง จากเดิม 48 ชั่วโมง และสำหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง กำหนดให้ทำงานไม่เกิน 35 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ จากเดิม 42 ชั่วโมง.

วันหยุดประจำสัปดาห์

  • กำหนดให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 2 วัน จากเดิม 1 วัน และวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 5 วัน

สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี

  • เสนอให้ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน มีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ไม่น้อยกว่า 10 วันทำงาน จากเดิม 6 วัน

 

เหตุผลในการเสนอร่างฉบับนี้คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานโดยรวม คุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเพิ่มอำนาจต่อรองของแรงงาน

การรับฟังความคิดเห็น

ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าร่างกฎหมายนี้จะช่วยปกป้องสิทธิแรงงาน พัฒนาสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพิ่มต้นทุนแรงงาน และลดความยืดหยุ่นในการบริหารงาน โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)

ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ 2: เน้นความเท่าเทียมและสวัสดิการเฉพาะกลุ่ม

ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานอีกฉบับที่เสนอโดย นางสาววรรณวิภา ไม้สน กับคณะ (ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสตรี) ได้รับการพิจารณาไปก่อนหน้านี้และจะถูกนำกลับมาพิจารณาต่อ

ร่างนี้มีหลักการและเหตุผลคล้ายกันคือ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่มีบทบัญญัติไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้แรงงาน. สาระสำคัญของร่างนี้ครอบคลุมหลายประเด็นที่สำคัญต่อแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานหญิง ได้แก่

ความเท่าเทียมในการจ้างงาน

  • กำหนดให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ด้วยเหตุความแตกต่างทางถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม และความคิดเห็นทางการเมือง

การลาเนื่องจากมีประจำเดือน

  • กำหนดให้การลาเนื่องจากมีประจำเดือน มิให้ถือว่าเป็นวันลาป่วย และให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีสิทธิลาได้เดือนละไม่เกิน 3 วัน โดยไม่นับรวมวันหยุดที่มีในระหว่างลา. การรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการลานี้ โดยมองว่าเป็นสิทธิที่จำเป็นและสอดคล้องกับสภาพร่างกายของผู้หญิง. อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลว่าอาจนำไปสู่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือทำให้นายจ้างหลีกเลี่ยงการจ้างแรงงานหญิง

สิทธิลาเพื่อดูแลบุคคลในครอบครัว

  • กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาไปดูแลบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ที่พำนักอยู่ในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยที่มีความต้องการการดูแลทางร่างกายและจิตใจ ปีละไม่เกิน 15 วันทำการ ร่างนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก โดยเฉพาะในสังคมผู้สูงอายุที่แรงงานต้องรับผิดชอบดูแลผู้ป่วย. ข้อกังวลคืออาจกระทบต่องานของนายจ้างหากมีลูกจ้างลาพร้อมกันจำนวนมาก

การจัดหาสถานที่ให้นมบุตร/บีบเก็บน้ำนม

  • กำหนดให้นายจ้างต้องจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมและอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อให้ลูกจ้างสามารถให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนมในที่ทำงานได้ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที ในช่วงเวลา 8 ชั่วโมงของการทำงาน ตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปีหลังคลอด
  • ประเด็นนี้ได้รับการตอบรับเชิงบวกอย่างกว้างขวาง เนื่องจากส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่และสนับสนุนการทำงานของมารดา อย่างไรก็ตาม มีความเห็นว่าการกำหนดรายละเอียดมากเกินไปอาจสร้างภาระแก่นายจ้าง โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดเล็ก

 

ความจำเป็นในการแก้ไขกฎหมาย

คณะกรรมการขับเคลื่อนการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบฯ ชี้ว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน การมีช่องว่างทางกฎหมายทำให้เกิดการตีความที่คลุมเครือ และลูกจ้างกว่า 30 ล้านคนยังคงประสบปัญหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้จึงมีความจำเป็นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเพิ่มอำนาจต่อรองของแรงงาน ให้สอดคล้องกับการพัฒนาสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และมาตรฐานสากล

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานทั้งสองฉบับในวันนี้จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคแรงงานและสังคมไทย โดยจะกำหนดทิศทางของสิทธิและสวัสดิการแรงงานในอนาคต