ธปท.รับศึกษามาตรการภาษี ดูแลซื้อขายทอง แก้เงินบาทแข็งค่า

16 ก.ย. 2568 | 10:30 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ย. 2568 | 10:34 น.

ธปท. ชี้บาทแข็ง ส่วนหนึ่งมาจากทองคำ เล็งออกมาตรการลดผลกระทบ หนุนเทรดทองผ่านดอลลาร์แทนสกุลเงินบาท รับศึกษามาตรการภาษี

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ที่ 7%  เราไม่ได้อยากเห็น และไม่ได้สอดคล้องกับทิศทางการปรับตัวเชิงพื้นฐานที่ควรจะเป็น

สำหรับค่าเงินบาทแข็ง ส่วนหนึ่งมาจากดอลลาร์อ่อน ซึ่งอัตราดอลลาร์อ่อน สวนทางกับพื้นฐานตามหลัก มาตรการภาษีตอบโต้ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ควรจะแข็ง แต่ดอลลาร์กลับอ่อนค่า นำมาสู่ประเทศไทย ซ้ำเติมมาจากทองคำ ที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าเพื่อนบ้าน 

อย่างไรก็ตาม ธปท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราปรับนโยบายจากนโยบายการเงิน ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 1.75% แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เห็นผลต่อค่าเงินโดยตรง เราก็ได้มีการเข้าไปดูแลค่าเงินเพื่อลดความผันผวน 

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.68) ได้ประชุมผู้เกี่ยวข้องแวดวงเกี่ยวกับทอง เพื่อลดผลกระทบการค้า เทรดทองต่อค่าเงิน ซึ่งหนึ่งในมาตรการเป็นเรื่องภาษี แต่มีช่องทางอื่นๆ ที่เราได้ทำมาด้วยตลอด เช่น คนไทยชอบค้าทองคำจำนวนมาก จึงอยากสนับสนุนให้การเทรดทองบนดอลลาร์ แทนที่จะเทรดสกุลเงินบาท เพื่อลดผลกระทบค่าเงิน เป็นต้น

“ขอย้ำว่า การกระทำอะไร ก็ต้องหารือกับหลายภาคส่วน เพราะการค้าทอง และการเทรด กระทบหลายส่วน รวมถึงต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนท้ายที่สุดจะออกมาแบบใด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่สุด ส่วนจะได้ข้อสรุปเมื่อใด ก็คงต้องใช้เวลา”

ส่วนกรณีที่มีการส่งออกทองไปกัมพูชามากผิดปกตินั้น ยอมรับว่า การส่งออกทองคำทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าเกี่ยวโยงกับธุรกิจสีเทาหรือไม่

ขณะที่ความเป็นห่วงเรื่องเงินสีเทา หรือเงินของธุรกิจผิดกฎหมายที่มากระทบต่อค่าเงินบาทนั้น ธุรกรรมที่ออกมาเป็นภาพรวมดุลการชำระเงิน (overall balance )ทั้งหมด 12.4 พันล้านดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม มีตัวเลขที่เป็น Error and Omissions ค่อนข้างมากโดยจากหลายที่ทั้งคริปโทฯ การส่งออก นำเข้า ซึ่งหากตัวเลขนี้มีความชัดเจนขึ้นจึงจะระบุได้ว่ามาจากสิ่งที่หลายฝ่ายกังวลหรือไม่