'ห้างทองแม่ทองสุก' จี้ ธปท.รื้อสูตรค่าเงินบาท ค้านเก็บภาษีขายทองออนไลน์

16 ก.ย. 2568 | 06:31 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2568 | 03:06 น.

ประธานห้างทองแม่ทองสุก แนะแบงก์ชาติทบทวนสูตรค่าเงิน ย้ำเงินบาทแข็งมาจากดอลลาร์อ่อน 'ไม่ใช่ทองคำ' ค้านเก็บภาษีซื้อขายทองคำออนไลน์ ชี้กระทบธุรกิจ เสนอสร้างระบบ Clearing House ดอลลาร์สหรัฐภายในประเทศ

KEY

POINTS

  • ผู้ค้าทองคำ 14 รายมีมติคัดค้านข้อเสนอเก็บภาษีการซื้อขายทองคำออนไลน์ โดยชี้ว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมอย่างรุนแรง
  • เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนสูตรการคำนวณค่าเงินบาท (Currency Basket) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากอาจไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป
  • ยืนยันว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่ได้เกิดจากการส่งออกทองคำ แต่มาจากปัจจัยภายนอก พร้อมเสนอให้จัดตั้ง Clearing House ดอลลาร์ในประเทศเพื่อลดผลกระทบต่อค่าเงิน

น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมผู้ค้าทองคำ 14 รายกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 โดยมีการหยิบยกประเด็นค่าเงินบาทและบทบาทของอุตสาหกรรมค้าทองคำในระบบเศรษฐกิจไทยมาหารือร่วมกัน

เขายืนยันว่า การแข็งค่าของเงินบาทในระยะนี้ไม่ใช่ผลโดยตรงจากการส่งออกทองคำ แต่เกิดจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีการส่งออกดีขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่าโดยปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ ดังนั้น แนวทางที่ถูกต้องคือการหามาตรการร่วมกันเพื่อดูแลค่าเงินบาทไม่ให้กระทบเศรษฐกิจเกินไป

ภารกิจแรก: ส่งข้อมูลเชิงลึกให้แบงก์ชาติ

น.พ.กฤชรัตน์ ระบุว่า ที่ประชุมได้รับ 'โจทย์แรก' จากแบงก์ชาติ คือการให้ผู้ประกอบการจัดทำและส่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจทองคำ ทั้งการนำเข้า-ส่งออก การซื้อขายภายในประเทศ ตลอดจนต้นทุนการค้า โดยยอมรับว่าข้อมูลที่ร้องขอมีความละเอียดมาก 'เหมือนการปิดงบการเงินทุกเดือน' และปริมาณข้อมูลมีมหาศาล เพราะธุรกรรมการซื้อขายในแต่ละวันมีนับแสนรายการ ทั้งจากหน้าร้านและออนไลน์

แม้ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือ แต่การจัดเก็บข้อมูลเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลา บุคลากร และการพัฒนาระบบโปรแกรมใหม่ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ค้าอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว

ภาษีซื้อขายทองคำออนไลน์: ผู้ค้าค้านเต็มที่

อีกประเด็นสำคัญคือ ข้อเสนอที่มีการหยิบยกขึ้นมาว่าอาจเก็บภาษีจากการซื้อขายทองคำออนไลน์ในรูปเงินบาท เพื่อดูแลค่าเงินบาท

น.พ.กฤชรัตน์ เผยว่า ผู้ประกอบการทั้ง 14 รายมีมติชัดเจน 'คัดค้าน' เพราะจะกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมค้าทองคำอย่างรุนแรง เปรียบได้กับกรณีการเก็บภาษีจากกำไรซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่าเป็นมาตรการที่ทำให้ตลาดซบเซา

ทั้งนี้ การซื้อขายทองคำออนไลน์เป็นเพียงวิวัฒนาการต่อยอดจากการค้าทอง 'ตู้แดง' ที่สืบทอดมากว่าร้อยปีในไทย และการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบันเกือบ 100% เป็นคนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติที่เข้ามามีส่วนน้อยมาก และหากซื้อขายก็มักใช้ดอลลาร์ ไม่ใช่เงินบาท การซื้อขายออนไลน์จึงเป็นธุรกรรมจริงภายในประเทศ ไม่ใช่การเก็งกำไรค่าเงิน

นอกจากนี้ ไทยยังเป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบการค้าทองคำในระดับโลก ทั้งทองตู้แดง โรงงานรีไฟเนอรี่ การส่งออก และตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) จนได้รับการยกย่องว่าเป็น 'Gold Hub of Southeast Asia' ดังนั้น มาตรการเก็บภาษีดังกล่าวไม่ควรนำมาใช้ เพราะจะทำลายศักยภาพอุตสาหกรรมที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก

ข้อเสนอใหญ่: ตั้งระบบ Clearing House ดอลลาร์

ผู้ประกอบการจึงเสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม คือการจัดตั้ง Clearing House ดอลลาร์สหรัฐภายในประเทศ โดยมีธปท.ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเคลียร์ธุรกรรมดอลลาร์ (Dollar Term) ในลักษณะเดียวกับที่ธนาคารพาณิชย์เคลียร์ธุรกรรม Mobile Banking ระหว่างกัน

ปัจจุบันธุรกรรมซื้อขายทองคำและการค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์ ต้องถูกส่งไป Clearing ผ่านนิวยอร์กก่อนกลับมาไทย ทำให้ต้นทุนธุรกรรมสูงมาก หากมีระบบ Clearing House ภายในประเทศ จะช่วยลดแรงกระทบค่าเงินบาท ลดความผันผวน และลดต้นทุนของผู้ประกอบการลงอย่างมาก

"ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีข้อมูลอยู่แล้วว่ามีการถือครองดอลลาร์ ซื้อ-ขายดอลลาร์ต่อวันเท่าใด หาก ธปท.ตั้งระบบนี้ขึ้นมา การ Clearing ภายในประเทศจะเกิดขึ้นได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ"

 

มาตรการป้องกันฟอกเงิน–เก็งกำไร

เมื่อถูกถามถึงการฟอกเงินหรือการเก็งกำไรค่าเงินผ่านทองคำ เขายืนยันว่า ปัจจุบันมาตรการกำกับมีเพียงพอแล้ว ผู้ค้ารายใหญ่ทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรฐาน KYC และ CDD ตรวจสอบลูกค้าอย่างเข้มงวด ธุรกรรมทั้งหมดดำเนินผ่านระบบธนาคาร ไม่มีการใช้เงินสดนอกระบบ อีกทั้งยังมีระบบ HRO ที่ผู้ค้ารายใหญ่ตรวจสอบกันเอง เพื่อสร้างความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ

เขาย้ำว่า ผู้ค้าทองรายใหญ่ในไทยมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมากว่า 30–40 ปี ระบบการตรวจสอบครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จึงมั่นใจว่ามีความปลอดภัยและโปร่งใส

เสนอ ธปท.ทบทวนสูตรค่าเงิน

น.พ.กฤชรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ภาครัฐและธปท.ไม่ควรมองผู้ประกอบการเป็นผู้ร้ายที่ทำให้ค่าเงินบาทสั่นไหว ตรงกันข้ามควรเห็นว่าเม็ดเงินที่หมุนเวียนจำนวนมากสะท้อนการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่ดี หากเศรษฐกิจไม่ดี เงินก็จะไม่หมุนเวียน

เขายังเสนอให้ ธปท. ทบทวนสูตรคำนวณค่าเงินบาท (Currency Basket) ที่ใช้อยู่ ว่ามีความเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันหรือไม่ เพราะเวลาผ่านมากว่า 10–20 ปี อาจต้องปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ของเศรษฐกิจโลก