KEY
POINTS
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่า ได้สะท้อนในหลายเรื่องโดยเฉพาะการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ยังต้องดำเนินการต่อ โดยเฉพาะในรายละเอียดเรื่องการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น (Local Content) ว่าจะใช้มาตรฐานใด รวมถึงอุตสาหกรรมใดที่ทำได้ และอุตสาหกรรมใดที่ทำไม่ได้ จะมีมาตรการเยียวยาอย่างไร
ทั้งนี้ เรื่อง Local Content เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ รวมถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งไหลของสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาด ซึ่งไทยโดนมากที่สุด และกระทบกับเอสเอ็มอี (SMEs) จำนวนมาก
โดยคาดว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวยังดำเนินการต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นจาก 24 กลุ่ม เป็น 30 กลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าว นายกฯ น่าจะเข้าใจดี
ด้านการลดต้นทุนพลังงานให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ซึ่งวันนี้ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนราคาพลังงานที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะต้องลดราคาพลังงานลงให้ได้
ส่วนเรื่องของเอสเอ็มอี ที่ปัจจุบันเปราะบางที่สุด และมีปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนสูง การเข้าถึงแหล่งเงินทุนนั้น ต้องการให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เช่น การดำเนินการลดหนี้ หรือแฮร์คัท การขยายวงเงินให้เอสเอ็มอีมากขึ้นหรือไม่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้เร็ว รวมถึงหน่วยงานเอสเอ็มอีจะต้องบูรณาการให้ทุน สนับสนุนทุน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบกับเอสเอ็มอีได้ค่อนข้างมาก
“ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนสูงมาก และเป็นปัญหาใหญ่ที่กดทับกำลังซื้อ ส่วนปัญหาเรื่องการค้าชายแดน ขณะนี้ มีเรื่องการปะทะ และความไม่ลงรอยตามชายแดน ส่งผลต่อซัพพลายเชญภาคอุตฯได้รับผลกระทบ วันนี้มีการแก้ไขปัญหากันเอง แต่ต้นทุนสูง ส.อ.ท.เข้าใจว่าเรื่องสำคัญของประเทศ คือ เรื่องอธิปไตย ความมั่นคง การเจรจาให้ถูกต้อง คงไม่ได้กดดันอะไร แต่จะมีมาตรการอะไรเข้ามาช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ในระหว่างที่อยู่ระหว่างการเจรจาได้บ้าง”
ส่วนเรื่องของโครงการต่างๆ ที่เวลานี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง สร้างพายุหมุนจริง คือ Made in Thailand เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศใช้นโยบายกีดกันทางการค้า ช่วยคนในประเทศเป็นหลัก บางประเทศมีเงินสนับสนุนการส่งออก ดังนั้น วันนี้ สิ่งที่ไทยจะต้องทำ คือ การจัดซื้อจัดจ้างด้วย Made in Thailand ซึ่งเรื่องนี้ต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่าเน้นที่ถูกสุด เพราะหากเน้นที่ถูกสุด ภาคเอกชนไทยอาจแข่งขันไม่ได้ ขณะเดียวกัน ภาครัฐจะได้สินค้าถูกแต่คุณภาพไม่ดี และเงินก็จะไหลออกไปยังต่างประเทศ