บีโอไอดึงเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯปักหมุดไทย ปั้น’ชิปเมดอินไทยแลนด์’

15 ก.ย. 2568 | 04:36 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2568 | 04:36 น.

บีโอไอผนึก อว. เดินหน้ารุกดึงบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯปักหมุดไทย ดึงลงทุนต้นน้ำ มุ่งต่อยอด ’ชิปเมดอินไทยแลนด์’

KEY

POINTS

  • บีโอไอเดินหน้าเจรจากับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของสหรัฐฯ กว่า 10 ราย เช่น Intel, Microchip และ Analog Devices เพื่อชักชวนให้เข้ามาลงทุนและขยายฐานการผลิตในไทย
  • มีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สู่การผลิตชิปครบวงจร (Made-in-Thailand Chip) ตั้งแต่การออกแบบ วิจัยและพัฒนา ไปจนถึงการประกอบและทดสอบขั้นสูง
  • เร่งพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการลงทุน โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแอริโซนา (ASU) ของสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเซมิคอนดักเตอร์ในไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการผลักดันเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมการผลิตชิปครบวงจรในประเทศไทย (Made-in-Thailand Chip) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

โดยล่าสุดได้พบกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกกว่า 10 รายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย บริษัทที่มีฐานผลิตในไทยอยู่แล้ว เพื่อให้ขยายการลงทุน โดยเฉพาะการผลิตในระดับต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น

  • Microchip ผู้นำในตลาดชิปประเภทไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) และระบบอัจฉริยะในยานยนต์การสื่อสาร และอุตสาหกรรมอวกาศ โดยมีการลงทุนประกอบและทดสอบชิปในไทยมากว่า 30 ปี ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ 12 โครงการ
  • Analog Devices (ADI) ผู้นำด้านชิปอนาล็อก ชิปส่งสัญญาณ และเซนเซอร์อัจฉริยะที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การสื่อสาร การแพทย์ และการควบคุมการผลิต มีการลงทุนทดสอบชิปในไทย และอยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งศูนย์วิจัยและออกแบบชิปต้นน้ำในไทย

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังไม่มีการลงทุนด้านนี้ในไทย เพื่อเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในไทย เช่น

  • Intel บริษัทชิปประมวลผลรายใหญ่ของโลก ผู้พัฒนาและผลิตชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบ AI

บีโอไอดึงเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯปักหมุดไทย ปั้น’ชิปเมดอินไทยแลนด์’

  • Qorvo ผู้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์และระบบที่ต้องใช้การเชื่อมต่อไร้สาย ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟน โครงสร้างพื้นฐาน IoT และพลังงาน

ทั้งนี้ เซมิคอนดักเตอร์กลายเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของโลก เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตหน่วยประมวลผล และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดโลกกว่า 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 จากความต้องการชิปรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น AI ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์สมัยใหม่ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยสหรัฐอเมริกาถือเป็นผู้นำในเกือบทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล ชิปสำหรับ AI ชิปด้านการส่งสัญญาณต่าง ๆ ฯลฯ

“จากการหารือ หลายบริษัทแสดงความสนใจ และจะเริ่มทำงานร่วมกับบีโอไอและกระทรวง อว. เพื่อศึกษารายละเอียดในการขยายกิจการด้านการวิจัยและพัฒนา การตั้งศูนย์ออกแบบชิป การประกอบและทดสอบชิปขั้นสูงในไทย โดยบริษัทต่าง ๆ ได้ย้ำถึงการสร้างกำลังคนให้เพียงพอ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลต่อการลงทุน”

นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า เพื่อตอบโจทย์ด้านการพัฒนาบุคลากรไทย คณะได้เข้าหารือกับมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (ASU) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยนวัตกรรมอันดับ 1 ของสหรัฐฯ และเป็น 1 ใน 3 สถาบันที่รัฐบาลสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ รวมทั้งเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ภายใต้ CHIPS Act มากที่สุดในสหรัฐฯ โดย ASU ได้ร่วมกับกระทรวง อว. พัฒนาหลักสูตร การวิจัยร่วม การแลกเปลี่ยนอาจารย์–นักศึกษา การฝึกอบรมเพื่อ Upskill/Reskill วิศวกรและแรงงาน รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเซมิคอนดักเตอร์ในไทย

“ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์มากว่า 50 ปี โดยเฉพาะในขั้นตอนการประกอบและทดสอบ และมีศักยภาพที่จะต่อยอดไปสู่ต้นน้ำที่มีเทคโนโลยีและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนาการออกแบบชิป การผลิตแผ่นเวเฟอร์ หรือการประกอบและทดสอบชิปขั้นสูง ซึ่งจำเป็นต้องดึงดูดบริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเข้ามาลงทุน ควบคู่กับการสร้าง Ecosystem ให้พร้อม โดยเฉพาะการสร้างซัพพลายเชนในประเทศ และการพัฒนาบุคลากรไทยด้านเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดของภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมภาคการศึกษา รวมทั้งสถาบันชั้นนำจากต่างประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้ไทยสามารถสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ครบวงจรในประเทศ หรือ Made-in-Thailand Chip”

“ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565 – 2567) มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงถึง 406 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป จีน และไต้หวัน”