ราชกิจจาฯ ประกาศแล้วเก็บภาษีรถโบราณ 45% เปิดทางนำเข้า-ส่งออก

11 ก.ย. 2568 | 12:17 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2568 | 12:27 น.

ราชกิจจาฯ ประกาศกำหนดเก็บภาษีสรรพสามิต “รถโบราณ” นำเข้า อัตรา 45% ของราคาขายปลีก หากไม่เข้าเงื่อนไขที่อธิบดีกรมกำหนด จะเก็บ 50% มีผล 12 ก.ย.เป็นต้นไป

KEY

POINTS

  • ราชกิจจานุเบกษาประกาศเก็บภาษีสรรพสามิต "รถยนต์โบราณ" เป็นครั้งแรกในอัตรา 45% ของราคาขายปลีกแนะนำ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568
  • กำหนดเกณฑ์รถโบราณที่เข้าข่ายต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไป มูลค่าขั้นต่ำ 2 ล้านบาท และจำกัดเฉพาะรถยนต์นั่ง, รถโดยสารไม่เกิน 10 คน, สเตชั่นแวกอน และ รถแข่ง
  • เปิดช่องทางนำเข้า-ส่งออก โดยหากนำรถเข้ามาเพื่อบูรณะและส่งออกภายใน 2 ปี จะได้รับสิทธิคืนภาษีสรรพสามิตเต็มจำนวน

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ กฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 44) พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 กำหนดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับ “รถยนต์โบราณ” เป็นครั้งแรกในอัตรา ร้อยละ 45 ของราคาขายปลีกแนะนำ และหากไม่เข้าเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด จะถูกจัดเก็บสูงสุด ร้อยละ 50 

โดยกฎกระทรวงนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากประกาศราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป (มีผล 12 ก.ย. 68) 

เหตุผลประกาศกฎกระทรวง กระทรวงการคลังระบุว่า เหตุผลที่ต้องออกกฎกระทรวงครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถโบราณไว้อย่างชัดเจน รัฐบาลจึงเห็นควรกำหนดขึ้นเพื่อรองรับมาตรการส่งเสริม และสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืน

                          ราชกิจจาฯ ประกาศแล้วเก็บภาษีรถโบราณ 45% เปิดทางนำเข้า-ส่งออก

คลิกดูจากราชกิจจานุเบกษา

 

ปรับเกณฑ์ใหม่เปิดช่องทางนำเข้า

ก่อนหน้านั้น น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยแถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ทบทวนมติเมื่อ 12 มีนาคม 2567 และ 22 เมษายน 2568 เรื่องมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับนโยบายปัจจุบัน โดยสาระสำคัญที่ปรับใหม่ ได้แก่

 

  • ประเภทรถที่เข้าร่วมได้ – จำกัดเฉพาะรถยนต์นั่ง, รถโดยสารไม่เกิน 10 คน, สเตชั่นแวกอน และรถแข่ง (ไม่รวมรถกระบะและมอเตอร์ไซค์)
  • เกณฑ์อายุ – รถโบราณที่มีอายุ ตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป และแยกพิกัดศุลกากรอีกกรณีหนึ่งสำหรับรถที่มีอายุเกิน 100 ปี ซึ่งถือเป็นวัตถุโบราณ
  • สิทธิยกเว้นอากรศุลกากรขาเข้า – เฉพาะรถที่นำเข้าแบบสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) พร้อมเอกสารรับรอง
  • ภาษีสรรพสามิต – รถโบราณต้องมี มูลค่าขั้นต่ำ 2 ล้านบาท และมีอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป โดยเก็บภาษีในอัตรา 45% ของราคาขายปลีกแนะนำ
  • มาตรการคืนภาษี – หากนำเข้ารถโบราณเข้ามาบูรณะในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศภายใน 2 ปี จะได้รับสิทธิคืนภาษีสรรพสามิตเต็มจำนวน

6 หน่วยงานร่วมผลักดัน

มาตรการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ – เตรียมออกประกาศอนุญาตนำเข้ารถโบราณ

กรมควบคุมมลพิษ – ทบทวนเกณฑ์การปล่อยไอเสีย และจำกัดวันใช้งานรถโบราณ

กรมศุลกากร – จัดทำประกาศลดและยกเว้นอากรศุลกากรตามอายุรถ

กรมสรรพสามิต – ออกประกาศกำหนดวิธีคำนวณภาษีรถโบราณอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป

กรมการขนส่งทางบก – เพิ่มบทนิยามรถโบราณ และเตรียมออกแบบป้ายทะเบียนพิเศษสีดำ ตัวอักษรสีขาว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ – วางเกณฑ์ให้รถโบราณวิ่งได้เฉพาะวันเสาร์–อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันจัดแสดงกิจกรรม

สมาคมรถโบราณชี้ช่วยสร้างงาน-ซอฟต์พาวเวอร์

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมขอบคุณภาครัฐที่เดินหน้าแก้กฎหมายและรับฟังข้อเสนอจากผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรการใหม่นี้ไม่เพียงแต่เอื้อต่อการอนุรักษ์รถโบราณ แต่ยังช่วยสร้างงานบูรณะให้ช่างไทย เก็บภาษีได้เพิ่ม และดึงดูดนักสะสมต่างชาติ

“การอนุญาตให้นำเข้ารถโบราณ จะทำให้ตลาดรถคลาสสิกคึกคัก สร้างซอฟต์พาวเวอร์ด้านการท่องเที่ยว สมาคมฯ ก็พร้อมขยายกิจกรรมโชว์รถโบราณให้ยิ่งใหญ่ขึ้นในอนาคต” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว