แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการคลังจากการดำเนินโครงการนโยบายของรัฐบาล ภายใต้นโยบายกึ่งการคลัง มาตรา 28 ตามพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พบว่ายอดหนี้ ณ สิ้นเดือนก.ย.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.02 ล้านล้านบาท โดยคิดเป็น 29.55% ของงบประมาณรายจ่ายซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบเพดานที่กำหนดไว้ที่ 32% แบ่งเป็น
อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะปีงบประมาณ 67 รัฐบาลได้อนุมัติโครงการใหม่ ตามมาตรา 28 จำนวนทั้งสิ้น 145,417 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงปีงบ 63 – 65 หลังจากรัฐบาลมีมติเมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 ได้กำหนดเป็นหลักการว่าให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชยหรือประกันราคาสินเชื่อเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร แต่ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเป็นปัจจัยกดดัน
ประกอบกับในปีงบ 68 มีการจ่ายชดเชยลดลงกว่าครึ่งเหลือเพียง 3.9 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ภาระทางการคลังตามมาตรา 28 เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น สศค.มีความเห็นว่า รัฐบาลควรพิจารณาอนุมัติโครงการตามมาตรา 28 เท่าที่จำเป็น และจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยโครงการมาตรา 28 อย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
“โฟกัสในธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มียอดหนี้คงค้างตามมาตรา 28 สูงกว่า 9 แสนล้านบาท และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีสูงกว่า 73,037 ล้านบาท ที่สำคัญควรพิจารณาปรับลดกรอบยอดหนี้คงค้างตามมาตรา 28 ลงสู่ระดับเดิมไม่เกิน 30% ของงบด้วย”
สำหรับหนี้ตามมาตรา 28 มีการเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงปี 62-65 โดยเพิ่มจาก 8.65 แสนล้านบาท เป็น 1.04 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มสุทธิ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการใช้งบเพื่อรับมือสถานการณ์โควิด
ประกอบกับดำเนินโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิดได้แก่ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ควบคู่กับการริเริ่มแจกเงินไร่ละพัน ทำให้ตลอด 4 ปีมีการอนุมัติโครงการใช้วงเงิน มาตรา 28 ลงสู่ภาคการเกษตรมากถึง 519,514ล้านบาท
"โดยเฉพาะปี 65 มีการใช้เงินช่วยเหลือภาคเกษตรถึง 1.8 แสนล้านบาท จนรัฐบาลต้องขยายเพดานหนี้มาตรา 28 จาก 30% เป็น 35% ของงบประมาณ"
ด้านสถิติภาระหนี้ผูกพันตามมาตรา 28 ย้อนหลัง 7 ปี สมัยรัฐบาลประยุทธ์จนถึงรัฐบาลเพื่อไทย มีดังนี้
ขณะที่วงเงินงบประมาณที่จัดสรรชดเชยภาระหนี้นั้นมี ดังนี้