นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับทราบ ดังนี้
1. รายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรงบประมาณโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568
โดยข้อมูล ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2568 สำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณแล้วทั้งสิ้นจำนวน 49 หน่วยรับงบประมาณ 8,431 รายการ วงเงินรวม 109,800.1741 ล้านบาท โดยพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่หน่วยรับงบประมาณจัดส่งให้ รวมทั้งหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2. รายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
คณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้เห็นชอบให้ใช้ DASHBOARD “แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท” เป็นเครื่องมือในการกำกับและติดตามของคณะอนุกรรมการกำกับฯ และให้หน่วยรับงบประมาณใช้ DASHBOARD ดังกล่าว เพื่อใช้ในการกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ ต่อไป
3. การใช้วงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ส่วนที่เหลือ
3.1 พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กำหนดวงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จำนวน 187,700 ล้านบาท โดยมีโครงการที่ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ได้แก่
"ดังนั้น เมื่อพิจารณางบประมาณคงเหลือจากการดำเนินการและอนุมัติเงินจัดสรรข้างต้น คาดว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จะคงเหลือประมาณ 26,000 ล้านบาท"
3.2 เนื่องจากยังไม่มีข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณการจัดทำโครงการโดยใช้จ่ายจากงบกลาง รายการดังกล่าว มีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อหนี้ผูกพันที่อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งจะส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่เหลืออยู่พับไปโดยผลของกฎหมาย
3.3 ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าวที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ผู้อำนวยการงบประมาณสามารถโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับการโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ มาสมทบงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นอีกจำนวน 26,000 ล้านบาท จะทำให้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มขึ้นจาก 96,556.7103 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.57 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นจำนวน 122,556.7103 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.27 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ทั้งนี้ จะทำให้เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ส่วนที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป