เส้นทางชีวิต 'อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ' เลขาฯสภาพัฒน์หญิงคนแรก

26 ส.ค. 2568 | 06:36 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2568 | 06:58 น.

ทำความรู้จัก 'อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ' เลขาฯสภาพัฒน์คนที่ 17 ที่เป็นผู้หญิงคนแรกของไทย พร้อมย้อนไปถอดรหัสมุมมอง วิธีคิด หลักการในการทำงานที่น่าสนใจ

นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายโดยมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 26 สิงหาคม 2568 จาก "เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)"  ให้เป็น "เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) หรือ สศช. คนใหม่ แทนที่ 'ดนุชา พิชยนันท์' ที่ครม.โยกไปเป็นเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีผล 1 ตุลาคม 2568

อ้อนฟ้า เป็นเครือญาติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเป็นบุตรของนายชลิต เวชชาชีวะ (น้องชายบิดานายอภิสิทธิ์) นอกจากจะเป็นเลขาธิการก.พ.ร. ที่เป็นสุภาพสตรีคนแรกของประเทศไทยแล้ว การโยกย้ายล่าสุดไปเป็น เลขาฯสภาพัฒน์คนใหม่ ก็ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง เพราะเป็นสุภาพสตรีคนแรก จากในอดีตเลขาสศช.เป็นชายล้วนทั้ง 16 คน

 

รายนามอดีตเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ซึ่งเป็นชื่อเดิมของสภาพัฒน์)

1. นายสุนทร หงส์ลดารมภ์ (พ.ศ. 2493-2499)

2. นายฉลอง ปึงตระกูล (พ.ศ. 2499-2506)

3. นายประหยัด บุรณศิริ (พ.ศ. 2506-2513)

4. นายเรณู สุวรรณสิทธิ์ (พ.ศ. 2513-2516)

5. ดร.เสนาะ อูนากูล (พ.ศ. 2516-2518 และ พ.ศ. 2523-2532)

6. นายกฤช สมบัติสิริ (พ.ศ. 2518-2523)

7. นายพิสิฏฐ ภัคเกษม (พ.ศ. 2532-2537)

8. ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล (พ.ศ. 2537-2539)

9. นายวิรัตน์ วัฒนศิริธรรม (พ.ศ. 2539-2542)

10. นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม (พ.ศ. 2542-2545)

11. นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช (พ.ศ. 2545-2547)

12. ดร.อำพน กิตติอำพน (พ.ศ. 2547-2553)

13. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ (พ.ศ. 2553-30 กันยายน 2558)

14. ดร.ปรเมธี วิมลศิริ (1 ตุลาคม 2558-10 เมษายน 2561)

15. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ (29 มิถุนายน 2561-28 ธันวาคม 2561 ในชื่อเดิม, และ 29 ธันวาคม 2561-30 กันยายน 2563 ในชื่อใหม่ สภาพัฒน์)

16. นายดนุชา พิชยนันท์ (1 ตุลาคม 2563-ปัจจุบัน)

 

เส้นทางชีวิตและวิธีคิดในการทำงาน

เส้นทางการศึกษาและรับราชการ นางสาวอ้อนฟ้ามีพื้นฐานการศึกษาที่แข็งแกร่ง โดยจบการศึกษาเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , Master of Science in Policy Economics จาก University of Illinois at Urbana-Champaign, สหรัฐอเมริกา และ Master of Public Policy จาก National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ที่ญี่ปุ่น

เส้นทางการรับราชการของเริ่มต้นจากการเป็นนักเรียนทุนรัฐบาล และเลือกใช้ทุนที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แม้จะต้องใช้ทุนเพียง 4 ปี แต่กลับทำงานอยู่ที่นั่นนานถึง 24 ปี

ในระหว่างนั้นได้เติบโตจากตำแหน่งเริ่มต้นจนกระทั่งเป็นรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะย้ายมาที่สำนักงาน ก.พ.ร. ในตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. ในช่วงเดือนมกราคม 2562 ถึงกุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดคือ เลขาธิการ ก.พ.ร. ตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ฐานเศรษฐกิจ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ น.ส.อ้อนฟ้า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. ถึงบทบาทต่อการพัฒนาระบบราชการไทย ซึ่งเจ้าตัวนิยามงานของตัวเองว่าเป็น "งานปิดทองหลังพระ" เพราะระบบราชการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้การทำงานของข้าราชการตอบโจทย์และปรับตัวเข้ากับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

กลยุทธ์และหลักคิดในการบริหารงาน เมื่อย้ายมาที่ ก.พ.ร. ได้พัฒนากลยุทธ์การบริหารงานที่สำคัญ นั่นคือ "การปรับตัว" โดยเน้นย้ำว่าการปรับตัวที่ดีที่สุดคือการพยายามทำความเข้าใจบริบทขององค์กรใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ภารกิจ เป้าหมาย วิถีชีวิต การทำงาน และที่สำคัญที่สุดคือ "วัฒนธรรมองค์กร" เพราะเชื่อว่าการเข้าใจคนในองค์กรอย่างแท้จริงจะนำไปสู่การปรับตัวและการกำหนดนโยบายให้เดินหน้าไปด้วยกันได้

หลักคิดสำคัญอีกประการหนึ่ง คือการมองว่าบุคลากรคือสินทรัพย์ที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร (Valuable asset) การจะดึงคุณค่าของบุคลากรออกมาได้ คือการทำให้พวกเขามีความสุข ซึ่งต้องเกิดจากการเข้าอกเข้าใจคนในองค์กร ใช้วิธีการรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างผ่าน Townhall เพื่อให้พนักงานได้สื่อสารปัญหา ข้อเสนอแนะ และสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกัน

มุมมองต่อบทบาทผู้บริหารหญิง ในฐานะผู้หญิงที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำระดับสูง นางสาวอ้อนฟ้าได้แบ่งปันมุมมองว่า ผู้หญิงมีข้อดีในการช่วยให้ซอฟท์ลง โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ตึงเครียดหรือการเผชิญหน้าในการประชุม ทำให้เกิดการประนีประนอมเพื่อหาทางออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งสังคมไทยยังให้เกียรติผู้หญิงในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดอาจเกิดขึ้นได้ในวัฒนธรรมที่ยังเชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่เธอมองว่าในสังคมไทยนั้นมีลักษณะเช่นนี้น้อย และประเทศไทยให้โอกาสผู้หญิงและเพศอื่นๆ ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับสังคมอื่น ๆ ที่เธอเคยมีประสบการณ์ เช่น ญี่ปุ่นหรือเกาหลี ซึ่งผู้หญิงมักถูกกดมากกว่า

บุคลิกและปรัชญาการทำงานส่วนตัว นางสาวอ้อนฟ้าให้นิยามความเป็นตัวตนของเธอว่าเป็นคนจริงจังกับการทำงาน โดยเน้นความจริงจัง ข้อมูลต้องเป็นข้อเท็จจริง และเป็นคนตรงไปตรงมา แสดงความคิดเห็นตามที่คิด แต่ก็ต้องระมัดระวังในบางครั้งในความเป็นทั้งคนจริง และ คนตรง