สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนามได้ประกาศใช้กระบวนการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับการส่งออกทุเรียนสด ตามคำสั่งเลขที่ 3015/QD-BNNMT ซึ่งมีการกำหนดข้อกำหนดและขั้นตอนที่ชัดเจนครอบคลุมตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บรักษา การบรรจุ รวมถึงการรับรองคุณภาพของทุเรียนที่จะส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและตอบโจทย์ข้อกำหนดความปลอดภัยอาหารในระดับสากล
ทั้งนี้ ข้อกำหนดและขั้นตอนในการควบคุมความปลอดภัยอาหารสำหรับทุเรียนสดส่งออกกระบวนการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหารฉบับนี้ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในห่วงโซ่การผลิตทุเรียนสด โดยกำหนดมาตรฐานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา การขนส่ง การบรรจุ และการตรวจสอบรับรองคุณภาพ ทั้งยังวางหลักเกณฑ์การลงทะเบียน การประเมิน และการรับรองในแต่ละล็อตสินค้าที่ส่งออก
ขณะเดียวกัน สถานประกอบการเพาะปลูกทุเรียนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร รวมถึงมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) เพื่อให้สามารถติดตามเส้นทางสินค้าตลอดห่วงโซ่การผลิต หากพบสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ต้องมีการจัดการที่ชัดเจนเพื่อเรียกคืนหรือกำจัดสินค้าดังกล่าว
สำหรับสถานประกอบการที่มีใบรับรองมาตรฐานสากล เช่น GMP HACCP หรือ ISO 22000 จะได้รับความสะดวกในการเข้ารับการตรวจสอบหรือขอรับรองภายใต้กฎเกณฑ์นี้ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานประกอบการที่ยังไม่มีใบรับรองต้องลงนามในหนังสือยืนยันว่าจะปฏิบัติตามข้อกำหนดและพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบได้ตามกฎระเบียบ
สำหรับพื้นที่เพาะปลูกที่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยจะได้รับการตรวจสอบเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้รับการกำหนดรหัสประจำพื้นที่ (Code) เพื่อให้สามารถติดตามและควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเก็บรักษาและการขนส่งทุเรียนไปยังสถานที่บรรจุต้องดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร พร้อมระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ชัดเจน
ขณะที่ สถานที่บรรจุต้องควบคุมคุณภาพสินค้าให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร และต้องผ่านการรับรองหรือการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจ โดยผู้ส่งออกทุเรียนจะต้องลงทะเบียนในระบบอุตสาหกรรมอาหารและปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงมีมาตรการในการเรียกคืนสินค้าที่ไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ห้องปฏิบัติการทดสอบที่ใช้วิเคราะห์ตัวอย่างทุเรียนต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเพื่อเก็บตัวอย่างและดำเนินการทดสอบตามคำร้องของเจ้าของสินค้า หรือคำสั่งของหน่วยงานที่มีอำนาจ เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
ทั้งนี้ สินค้าที่จะส่งออกได้ต้องมาจากพื้นที่เพาะปลูกและสถานประกอบการที่ผ่านการรับรอง มีรหัสประจำพื้นที่และสถานประกอบการ ตลอดจนมีฉลากสินค้าที่ครบถ้วนและสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร รวมทั้งในกรณีที่ประเทศผู้นำเข้ามีข้อกำหนดเฉพาะ สินค้าดังกล่าวต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่มีอำนาจของเวียดนามก่อนส่งออก
สำหรับบทบาทและความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่สถานประกอบการเพาะปลูก พื้นที่เพาะปลูก โรงงานบรรจุ ผู้ประกอบการค้า ไปจนถึงหน่วยงานเฉพาะของกระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานท้องถิ่น ได้ถูกระบุไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้การส่งออกทุเรียนสดเป็นไปตามมาตรฐานสากลและข้อกำหนดของตลาดปลายทางอย่างเคร่งครัด
เวียดนามในฐานะประเทศเกษตรกรรมที่มีบทบาทสำคัญในตลาดการค้าโลก ได้ก้าวเข้าสู่การจัดการด้านความปลอดภัยอาหารที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับทุเรียนสด ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างตลาดและโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญขึ้น กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมเวียดนามมีเป้าหมายที่จะวางระบบควบคุมมาตรฐานที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนในห่วงโซ่การผลิต เพื่อรับประกันว่าทุเรียนที่ส่งออกจะมีคุณภาพสูงและปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
ภายใต้มาตรการนี้ ทุเรียนส่งออกต้องมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ มีรหัสประจำพื้นที่ และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหน่วยงานที่มีอำนาจ หากประเทศผู้นำเข้ามีข้อกำหนดเฉพาะ การแปรรูป การบรรจุ การติดฉลาก และการขนส่งต้องดำเนินการในสถานประกอบการที่ได้รับการรับรองด้วยเช่นกัน
ด้านคุณภาพสินค้า ต้องมีการควบคุมสารตกค้างโลหะหนักในทุเรียนไม่เกินค่ามาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามกำหนด นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับสารกำจัดศัตรูพืชตามที่ระบุในหนังสือเวียนหมายเลข 50 ของกระทรวง และปฏิบัติตามเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมที่แต่ละประเทศผู้นำเข้ากำหนด ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าได้อย่างเต็มที่
ข้อมูลจากศุลกากรเวียดนามในเดือนมิถุนายน 2568 ระบุว่า มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามอยู่ที่ 807 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 และสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยทุเรียนมีสัดส่วนสำคัญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 360 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 จากเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการส่งออกทุเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 825 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดและข้อจำกัดในด้านการควบคุมคุณภาพที่เคยเป็นอุปสรรคหลัก
สำหรับการประกาศใช้มาตรการควบคุมความปลอดภัยอาหารเฉพาะสำหรับทุเรียนสดครั้งนี้ จึงถือเป็นความพยายามสำคัญในการตอบสนองต่อความท้าทายด้านคุณภาพและข้อกำหนดทางการค้า นับเป็นก้าวแรกในการสร้างระบบควบคุมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรเวียดนามในตลาดโลกในระยะยาว
การประกาศใช้กระบวนการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับทุเรียนสดของเวียดนาม นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรของเวียดนามเอง ยังเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้บริการด้านมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร เช่น GAP, GMP, HACCP หรือ ISO 22000 ที่สามารถขยายบทบาทไปยังตลาดเวียดนาม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่มีประสบการณ์ด้านระบบรับรองมาตรฐานสามารถเข้าไปให้บริการฝึกอบรม ให้คำปรึกษา หรือช่วยจัดตั้งระบบตรวจสอบภายในแก่สวนทุเรียนและสถานประกอบการบรรจุในเวียดนาม เพื่อช่วยให้ผ่านเกณฑ์ใหม่ของเวียดนาม ซึ่งนอกจากจะเป็นรายได้เสริมจากภาคบริการแล้ว ยังช่วยเพิ่มบทบาทของไทยในห่วงโซ่อุปทานทุเรียนระดับภูมิภาคได้อย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้ง ความเข้มงวดของมาตรการใหม่ อาจทำให้ผู้ผลิตทุเรียนบางรายในเวียดนามต้องเผชิญกับต้นทุนการปฏิบัติที่สูงขึ้น หรือไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับข้อกำหนดได้ทันเวลา ซึ่งสร้างช่องว่างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปช่วยสนับสนุนด้านระบบตรวจสอบย้อนกลับ ควบคุมคุณภาพ หรือรับช่วงดำเนินการบรรจุ แปรรูป และขนส่งในรูปแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) เพื่อยกระดับมูลค่าและความน่าเชื่อถือของสินค้าในสายตาผู้นำเข้า
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังสามารถร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีห่วงโซ่การผลิต เพื่อรองรับและตอบสนองต่อข้อกำหนดความปลอดภัยอาหารและความโปร่งใสของแหล่งที่มา (traceability) ที่ตลาดโลกให้ความสำคัญในปัจจุบัน