นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่าจากผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันแม่ สำรวจระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม 2568 จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1,422 ตัวอย่างทั่วประเทศ การเลือกซื้อของขวัญในวันแม่ปีนี้ มีการซื้อมากขึ้นทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะเน้นในกลุ่มสินค้าที่มีราคาถูก ซึ่งราคาสินค้ามีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อเป็นอย่างมาก
สำหรับการใช้จ่ายในช่วงวันแม่จะพบว่าส่วนใหญ่จะพาแม่ไปทานข้าว พาไปทำบุญ ส่วนการวางแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดในปีนี้ 78.2% ไม่ไป และงบประมาณการใช้จ่ายในปีนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
โดยคาดว่าปริมาณเงินสะพัดในช่วงวันแม่อยู่ที่ 11,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1.9%
อย่างไรก็ดี จากการติดตามยังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความกังวลในเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน 59.1% ดังนั้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 5 เดือนติดยังซึมตัวต่อเนื่อง เพราะประชาชนยังกังวลเรื่องการเมือง ซึ่งสูงถึง 40% และผลสำรวจยังพบว่าเศรษฐกิจของไทยในปีนี้แย่ลงมาก เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา
"ดังนั้นการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยมาตรการ 1.5 แสนล้านบาทต้องเร่งทำทันที และหวังว่างบประมาณแผ่นดิน จะผ่านภายในกลางเดือน สิงหาคม เพราะการใช้เงินต้นไตรมาส 3 และไตรมาส 4 สำคัญมาก"
ทั้งนี้ มาตรการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ผู้ใช้สิทธิไม่มากนัก และในช่วงวันแม่ก็มองว่าการเข้าไปใช้สิทธิอาจจะไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการสุ่มตอบคำถามกลุ่มตัวอย่างคนที่ลงทะเบียนแล้ว มีการใช้สิทธิ์เพียง 46.4% ยังไม่ใช้สิทธิ์ 53.6% และคาดว่าจะใช้สิทธิ์เร็ว ๆ นี้ 3.6% ยังไม่แน่ใจ 96.4%
อย่างไรก็ดีมุมมองของประชาชนที่มีต่อโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มองว่ายังมีผลต่อการกระตุ้นต่อเศรษฐกิจน้อย