กอบศักดิ์ แนะไทยวางตัวเป็นกลาง "จีน-สหรัฐ" สร้างแต้มต่อดึงการลงทุน

27 ก.ค. 2568 | 23:15 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2568 | 06:20 น.

"กอบศักดิ์" แนะไทยกำหนดจุดยืนความเป็นกลางระหว่างจีน-สหรัฐฯ ชี้เป็นแต้มต่อสำคัญสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ระบุหากเลือกข้างจะเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนระยะยาว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงกรณีการวางตัวของประเทศไทยระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ว่า เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต 

สำหรับประเทศไทยคำถามเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากขึ้นเช่นกัน เช่น กรณีฐานทัพที่พังงา หรือโครงการในพื้นที่อู่ตะเภาในอนาคต ดังนั้น ประเทศไทยควรเตรียมจุดยืนของตนไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะจุดยืนที่ ไม่เลือกข้าง และรักษาความเป็นกลางให้ได้มากที่สุด

"คำถามนี้ถูกโยนเข้าสู่เวทีต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แม้แต่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ก็ยังถูกถามระหว่างการเยือนสหรัฐฯว่าจะวางตัวอย่างไรระหว่างสองขั้วอำนาจ แต่ถึงอย่างนั้นฟิลิปปินส์ที่ชัดเจนว่าเลือกสหรัฐฯ แม้จะได้ผลประโยชน์บางอย่าง เช่น อัตราภาษีที่ดีกว่าไทย 

แต่ก็ต้องแลกมากับความไม่แน่นอน นักลงทุนกังวลว่า หากเกิดสงครามขึ้น ฟิลิปปินส์อาจกลายเป็นเป้าหมายเช่นเดียวกับออสเตรเลียที่ถูกตั้งคำถามว่า หากเกิดเหตุการณ์ในไต้หวัน จะยืนอยู่ข้างใด” นายกอบศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ ความเป็นกลางของประเทศไทยจะกลายเป็น แต้มต่อ ที่สำคัญในการดึงดูดการลงทุนระยะยาว เพราะนักลงทุนทั่วโลกต้องการประเทศที่สามารถค้าขายกับทุกฝ่ายได้อย่างไร้ข้อจำกัด

"ถ้าเราเข้าข้างอเมริกา บริษัทที่อยากค้าขายกับจีนก็อาจไม่กล้ามาลงทุน ถ้าเราชัดเจนว่าเข้าข้างจีน บริษัทที่ค้าขายกับอเมริกาหรือยุโรปก็อาจลังเล ดังนั้น ความเป็นกลางคือคำตอบที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ และเราควรเริ่มพูดคุย ถกเถียง และตกผลึกแนวคิดกันให้มากขึ้นตั้งแต่ตอนนี้" นายกอบศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้จุดยืนเรื่องความเป็นกลางจะไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจระยะยาวของไทย แต่ยังช่วยให้ประเทศไทยมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์บนเวทีระหว่างประเทศอย่างมั่นคงด้วย