ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะ กระทบความเชื่อมั่น ฉุดท่องเที่ยว–การลงทุน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัทธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงมุมมองผลกระทบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะต่อไป ว่า ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้กับทหารไทย ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติที่ไทยต้องดูแลให้ได้ แต่ขณะเดียวกันไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามและยืดเยื้อ เพราะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสองประเทศ ยิ่งทะเลาะกันมากเท่าไหร่ก็จะเป็นจุดที่ทำให้ต่างชาติเกิดภาพจำว่ามีความไม่มั่นคงและสงบสุขในไทย 

“ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นภาพจำ แล้วก็จะคิดว่ามาลงทุนในประเทศไทย หรือมาทำธุรกิจ รวมถึงมาท่องเที่ยวก็ไม่ปลอดภัย ซึ่งความจริงภาคการท่องเที่ยวเป็นความหวังมากในปีนี้ และเราก็หวังว่าจะต่อเนื่องจากปีที่แล้วและปีก่อนๆ ที่เพิ่มขึ้นมาทุกปี นับตั้งแต่เดือนม.ค. 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวโต 20%

แต่ช่วงเดือนก.พ. เริ่มตั้งแต่ช่วงตรุษจีนเป็นต้นมาภาคการท่องเที่ยวติดลบมาอย่างต่อเนื่องถึง 15% ทำให้ครึ่งแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย. 68) ติดลบ 4.66% ซึ่งเป็นข่าวเชิงลบ เช่น การลักพาตัว และแผ่นดินไหว เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดสามารถลืมได้ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ”

ทั้งนี้กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นจะทำให้กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวจะมีภาพจำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะกระทบในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันในช่วงปลายปี 2568 

เมื่อถามว่าปัญหาการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ควรจะจบเมื่อไหร่ นายกอบศักดิ์ ระบุว่า คาดว่าต้องจบให้เร็วที่สุด และต้องหาคำตอบทางด้านการทูตและการทหารให้เรียบร้อย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือความเสียหายของทั้งสองประเทศ และเป็นความเสียหายที่ไม่จำเป็น 

“ผมคิดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นความเสียหายที่ไม่จำเป็น เราสามารถที่จะหารือกันและหาทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียหายทั้งสองประเทศ”

เมื่อถามว่าผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ได้บานปลายไปยัง สปป.ลาว จะกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนในภูมิภาคอย่างไร นายกอบศักดิ์ ระบุว่า เหตุการณ์ทั้งหมดจะมีคำถามเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว และการลงทุนโดยตรง ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลใจ