คลังเปิด 10 สาระสำคัญ พ.ร.บ.ศูนย์กลางการเงิน ดึงช่างชาติลงทุนไทย

16 ก.ค. 2568 | 08:23 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2568 | 08:26 น.

คลังเปิด 10 สาระสำคัญ ร่างพ.ร.บ.ศูนย์กลางการเงิน พร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ดึงช่างชาติลงทุน สร้างโอกาสไทยสู่ Financial Hub

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) เพื่อดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย พัฒนาประเทศไทยให้มีบทบาทเป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต 

โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เห็นชอบหลักการของร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ.)  และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณานั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว และส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง 

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ทั้งนี้ ในลำดับต่อไป ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีจำนวน 9 หมวด 94 มาตรา โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย 

1) การกำหนดวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้และนิยามทางกฎหมาย 

2) องค์ประกอบ คุณสมบัติ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน 

3) การจัดตั้งและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One-stop Authority: OSA) 

4) คุณสมบัติ ขั้นตอนการสรรหา วิธีการแต่งตั้ง และอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการที่จะเข้ามาบริหารสำนักงาน 

5) ประเภทและขอบเขตของธุรกิจที่สามารถขอรับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ 

6) แนวทางในการกำหนดสถานที่ตั้งเพื่อประกอบกิจการ 

7) คุณลักษณะของนิติบุคคลที่ประสงค์จะยื่นคำขอประกอบธุรกิจ รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการควบ โอน และเลิกกิจการของผู้ประกอบธุรกิจ 

8) สิทธิประโยชน์ที่ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ 

9) แนวทางในการกำกับดูแลและการตรวจสอบธุรกิจ 

10) บทกำหนดโทษสำหรับผู้ประกอบธุรกิจในโครงการ Financial Hub

“การพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Financial Hub ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้าลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาสังคมและทรัพยากรบุคคลในประเทศ”

โดยประกอบด้วย 1) สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ส่งผลให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีได้เพิ่มขึ้น 2) สร้างการพัฒนาธุรกิจทางการเงินในประเทศไทย และจำนวนตำแหน่งงานด้านการเงินเพิ่มมากขึ้น โดยครอบคลุมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนด้านการเงิน นอกจากนี้ ยังดึงดูดแรงงานที่มีทักษะด้านการเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยจะส่งผลให้เกิดการถ่ายทอดทักษะองค์ความรู้ และเทคโนโลยี (Knowledge Transfer) ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินในประเทศไทย และ 3) เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงิน (Financial Infrastructure Development) และด้านอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดการลงทุนและการจ้างงาน รวมทั้งผลักดันให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต” ดังนั้น การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) นั้นจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและเพิ่มศักยภาพให้แก่แรงงานของประเทศไทยในอนาคต