สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ กระทรวงพาณิชย์ รายงานสถานการณ์การค้าของกัมพูชาล่าสุด โดยเห็นว่า ขณะนี้ กัมพูชาได้ถูกสหรัฐอเมริกาประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาทุกประเภทในอัตรา 36% ลดลงจากเดิม 49% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 คาดว่ากัมพูชาจะใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ที่เน้นเพิ่มมูลค่า ปรับปรุงคุณภาพ แรงงาน และเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ข้อกำหนดทางภาษีฯ ของสหรัฐฯ ต่อกัมพูชายังมีความไม่แน่นอน ผู้ประกอบการไทย อาจพิจารณาอย่างรอบด้านเกี่ยวกับการลงทุนในกัมพูชา ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายตลาดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เช่น กลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า จักรยาน ยางรถยนต์ เป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ระบุว่า ภายใต้จดหมายอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถึง สมเด็จฯ ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่า การเก็บภาษีครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าอย่างต่อเนื่องระหว่างสองประเทศ ซึ่งทรัมป์มองว่าไม่เป็นธรรมและเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์ เตือนว่า หากกัมพูชาพยายามหลีกเลี่ยงภาษีโดยส่งสินค้าผ่านประเทศที่สาม จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นอีก และเสนอทางออกว่า บริษัทกัมพูชาสามารถย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยรัฐบาลสหรัฐจะเร่งอนุมัติการลงทุนให้เร็วที่สุด
นาย Sun Chanthol รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงข่าวว่า กัมพูชาสามารถเจรจาลดอัตราภาษีลงได้ถึง 13% ถือเป็นการลดภาษีสูงสุดในบรรดา 14 ประเทศที่ถูกปรับอัตราภาษี พร้อมย้ำว่า การเจรจายังไม่สิ้นสุด และยังมีโอกาสเจรจาลดภาษีได้อีกก่อน 1 สิงหาคม 2025
ขณะที่ นาย Lor Vichet รองประธานสมาคมการค้าจีน-กัมพูชา (Cambodia Chinese Commerce Association : CCCA) ให้ความเห็นว่า แม้อัตรา 36% จะยังสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพการส่งออกของกัมพูชาจะลดลง เพราะขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า โดยกัมพูชาส่งออกหลักไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าเดินทาง จักรยาน และยางรถยนต์ ซึ่งมีตลาดเฉพาะ รวมถึงปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ แรงงาน ต้นทุน และเวลาขนส่ง
ทั้งนี้ ในจดหมายที่ส่งถึง 14 ประเทศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ทุกประเทศเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ และเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันในระยะยาว
โดยข้อมูลข้อมูลการค้าระหว่างกัมพูชา-สหรัฐฯ พบว่า ในปี 2024 มีมูลค่าการค้ารวม 10.18 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 11.2%) โดยการส่งออกจากกัมพูชาคิดเป็น 9.9 พันล้านดอลลาร์ ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกปี 2025 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่าการค้ารวม 4.48 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 27%)
ข้อมูลจาก USImportData.com ปี 2024 ระบุว่า กัมพูชาเป็นประเทศอันดับ 7 ที่ส่งออกสิ่งทอไปสหรัฐฯ รองจากจีน เวียดนาม อินเดีย บังกลาเทศ เม็กซิโก และอินโดนีเซีย โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 1 ของกัมพูชา (คิดเป็น 40% ของการส่งออกทั้งหมด) สินค้าหลักที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า จักรยาน ยางรถยนต์ เป็นต้น