ครม.สั่ง 3 หน่วยงานลุยเปิดลงทะเบียนประชาชน “กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน”

08 ก.ค. 2568 | 07:51 น.

ครม.ไฟเขียวโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชน “กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน” รองรับนโยบายรัฐ มอบ 3 หน่วยงานคุยกันให้ได้ข้อสรุป ก่อนกำหนดวันเปิดลงทะเบียนที่เหมาะสมต่อไป

วันนี้ (8 กรกฎาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นการเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนร่วมโครงการของรัฐไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้มีการอนุมัติงบประมาณเพื่อไปดำเนินโครงการ

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ร่วมกันหารือเพื่อกำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการที่เหมาะสมต่อไป

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งรายละเอียดของโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ว่า การดำเนินโครงการนี้ เป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีมติเห็นชอบหลักการโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน มีสาระสำคัญดังนี้

วัตถุประสงค์ : สำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน เพื่อประโยชน์ ในการพิจารณาดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะต่อไป

ช่องทางการลงทะเบียน : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเขต สำนักงานเมืองพัทยา สำนักงานเทศบาล ที่ทำการไปรษณีย์ หรือหน่วยงานอื่นที่กระทรวงดิจิทัลฯ กำหนด

วิธีการลงทะเบียน : เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอำนวยความสะดวกประชาชนให้ลงทะเบียนผ่านระบบที่ สพร. พัฒนาขึ้น

วิธีการตรวจสอบความไม่มีสมาร์ตโฟน : สพร. จะส่งเลขประจำตัวประชาชน (National Identification Number: NID) ของผู้ลงทะเบียนไปตรวจสอบกับผู้ให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย

โดยผู้มีประวัติการใช้งานข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Data) สะสม ไม่เกิน 500 Megabyte (MB) ต่อหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียนย้อนหลังในช่วงระยะเวลา 90 วัน นับจากวันที่ สพร. ส่งข้อมูลไปตรวจสอบ (T-90) จะถือเป็นผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟน โดยมีระยะเวลาการตรวจสอบ 3 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีความเห็นว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมามีการใช้ข้อมูลที่ได้จากการลงทะเบียนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อยืนยันตัวตน และแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งใช้ฐานข้อมูลจากการยืนยันตัวตน (e-KYC) ในส่วนของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2565 และฐานข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการและช่องทางการได้รับเงินเบี้ยคนพิการที่ผ่านมา

2.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ซึ่งใช้การลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐผ่านสมาร์ตโฟน

ทั้งนี้การดำเนินการที่ผ่านมายังมีข้อมูลของประชาชนกลุ่มเปราะบางบางกลุ่ม รวมถึงประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน และซ้ำซ้อนกัน ส่งผลให้ภาครัฐไม่สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงได้มีมติเห็นชอบหลักการของโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถเข้าถึงสิทธิ และสวัสดิการต่าง ๆ จากภาครัฐได้อย่างเท่าเทียมกับประชาชนกลุ่มอื่น

ด้วยเหตุนี้เพื่อให้การดำเนินโครงการในครั้งนี้ส่งเสริมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยที่หน่วยงานของรัฐสามารถบูรณาการข้อมูล ระหว่างหน่วยงานเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายต่าง ๆ และสามารถเข้าถึงข้อมูล เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างยั่งยืน

รวมทั้งมีการกำหนดบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจน จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงมหาดไทย และ สพร. พิจารณากำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการ

รวมถึงการมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบโครงการให้เกิดความชัดเจน เช่น การกำหนดหน่วยงานเจ้าของโครงการฯ การกำหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลระบบลงทะเบียน

ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการฯ ควรให้เป็นไปตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และแนวทาง การปฏิบัติงานดิจิทัลในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ การเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ กระบวนการหรือการดำเนินงานทางดิจิทัล และการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล รวมทั้งความมั่นคงปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะมาตรฐานด้านดิจิทัลที่กำหนดโดยคณะกรรมการพัฒนาดิจิทัลด้วย