ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC ได้เปิดเผยรายงาน “Outlook ไตรมาส 2 ปี 2025” โดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือเพียง 1.5% และในปี 2026 อยู่ที่ 1.4% จากความเสี่ยงรอบด้านที่ถาโถม ทั้งผลกระทบของสงครามการค้า นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้แนวทาง Trump 2.0 ความเปราะบางของโครงสร้างเศรษฐกิจ และข้อจำกัดด้านการคลังในประเทศ
รายงานระบุว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวเฉลี่ยต่ำกว่า 1% และอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (technical recession) โดยแรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวเริ่มแผ่ว ขณะที่การส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนยังซบเซาต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าโลก
ด้านการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวแรง สะท้อนจากความเปราะบางด้านการจ้างงานและรายได้ในภาวะการเงินที่ยังตึงตัว ขณะที่สินเชื่อรายย่อยเติบโตต่ำและคุณภาพหนี้ยังน่ากังวล ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจ
ในส่วนของนโยบายการเงิน SCB EIC คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปี 2025 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.25% เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ และเอื้อต่อกระบวนการลดภาระหนี้ครัวเรือนและธุรกิจ (deleveraging) อย่างไรก็ตาม แม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำลง แต่ประสิทธิภาพในการกระตุ้นการใช้จ่ายอาจถูกจำกัดจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ
SCB EIC ยังเตือนว่าธุรกิจไทยเผชิญแรงกดดันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ และจีน กลุ่มสินค้าที่เผชิญการแข่งขันจากสินค้าจีนราคาถูก และกลุ่มที่ต้องพึ่งพากำลังซื้อภายในประเทศที่ยังฟื้นตัวช้า เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงและความไม่แน่นอนทางนโยบาย
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสในบางเซกเตอร์ โดยเฉพาะธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้เร็ว เช่น กลุ่มที่เน้นจับกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง กลุ่มที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ เช่น Health & Wellness รวมถึงกลุ่มที่มีจุดแข็งด้านเอกลักษณ์ของสินค้าและบริการ
สำหรับค่าเงินบาท SCB EIC ประเมินว่าในระยะสั้นมีแนวโน้มแข็งค่าจากกระแสเงินทุนไหลเข้าและการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าปลายปี 2025 ค่าเงินบาทจะอยู่ในช่วง 31.5 – 32.5 บาทต่อดอลลาร์
รายงานยังชี้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเหลือ 2.3% จาก 2.8% ปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากสงครามการค้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นที่ถดถอยในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพื่อประคองการเติบโต
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2568 จะยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก โดยต้องจับตาการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี
ทั้งนี้ SCB EIC ย้ำว่าในช่วงที่เศรษฐกิจเปราะบางเช่นนี้ การติดตามสถานการณ์เชิงรุกและการปรับตัวอย่างยืดหยุ่น จะเป็นหัวใจสำคัญที่ภาคธุรกิจและภาครัฐต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว