รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบผลการวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผผ.) กรณีปัญหาการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) เพราะปัจจุบันพบว่า มีคนต่างด้าวถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในลักษณะการค้าที่ดินเป็นจำนวนมาก
โดยครม.มอบให้กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ให้ได้ข้อยุติ จากนั้นให้กระทรวงพาณิชย์ สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวมแล้วส่งให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจาก สลค. เพื่อนำเสนอครม.ต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของเรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาระบุว่า ปัจจุบันคนต่างด้าวหรือชาวต่างชาติถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยตัวแทนอำพรางปรากฏในจังหวัดต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง หากไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วก็จะทำให้ประเทศได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
จึงมอบหมายให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการศึกษาปัญหากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว ศึกษากรณีการถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใด ๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน หรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนหรือเป็นภาระแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ
ทั้งนี้จากการศึกษาเบื้องต้นเห็นว่า ตัวแทนอำพรางหรือนอมินี (Nominee) คือ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลสัญชาติไทย เข้าทำนิติกรรมแทนตัวการซึ่งเป็นคนต่างด้าว โดยอำพรางการกระทำของตัวการซึ่งไม่อาจทำนิติกรรมนั้น ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ตัวแทนอำพรางอาจถูกกำหนดให้กระทำการแทนบุคคลในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมอำพรางการถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ เช่น การให้คนสัญชาติไทยถือครองที่ดินแทนโดยผ่านความสัมพันธ์ทางครอบครัว (การสมรสกับคนไทยหรือการถือครอง โดยบุตร) การเช่าหรือซื้อผ่านผู้มีสัญชาติไทย การตั้งเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยแล้วถ่ายโอนหุ้นในภายหลัง
การใช้นิติบุคคลสัญชาติไทยซื้อที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์สูงกว่าราคาทุน ซึ่งคนต่างด้าวเข้ามาถือครองที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มีผลทำให้สัดส่วนการถือครองที่ดินของคนไทยลดลง และสูญเสียโอกาสในการถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์
อีกทั้งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย หรืออาศัยช่องว่างของกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่อาจไม่ครอบคลุมหรือไม่ชัดเจนทำให้มีการทำธุรกรรมในลักษณะเป็นการอำพรางเจ้าของ หรือผู้ที่มีอำนาจบริหารหรือจัดการที่แท้จริง จึงทำให้คนต่างด้าวมีอำนาจครอบงำการบริหารกิจการ ไม่สอดรับกับวัตถุประสงค์ของกฎหมาย หรือการครอบงำบริหารจัดการกิจการที่ไม่สุจริต จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายที่ใช้บังคับ
ประกอบกับกฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ขาดความเป็นเอกภาพและการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพในการควบคุมนิติบุคคลที่มีคนต่างด้าวเป็นกรรมการและมีอำนาจในการบริหารจัดการ การบังคับใช้และตีความกฎหมายที่ไม่ชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่ ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงมีปัญหาในทางปฏิบัติ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศโดยรวม
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบโดยรวมต่อประเทศ จึงได้ปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกันได้มีคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายเสนอมายังครม.รับทราบตามขั้นตอนของกฎหมาย