แพทองธาร มั่นใจเจรจา JBC ไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกัน

13 มิ.ย. 2568 | 05:34 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มิ.ย. 2568 | 06:11 น.

นายกฯ แพทองธาร มั่นใจเจรจาบนเวที JBC ไทย-กัมพูชา วันพรุ่งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกัน พร้อมมอบนโยบายประชุมทูตไทยทั่วโลก สู่ทูตเชิงรุกยุคใหม่เป็นทีมไทยแลนด์ ช่วยกันขายสินค้าไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันนี้ (13 มิถุนายน 2568) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 ตอนหนึ่ง โดยเน้นย้ำการแสดงจุดยืนของไทยในประเด็นสำคัญทั้งระดับทวิภาคี ภูมิภาค หรือระดับโลก รวมถึงการชี้แจงและสื่อสารอย่างเหมาะสมในทุกระดับและหลากหลายช่องทาง 

 

แพทองธาร มั่นใจเจรจา JBC ไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกัน

 

ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ เข้าใจถึงท่าทีหรือจุดยืนของไทยอย่างถูกต้อง ว่า ไทยยึดจุดยืนในสันติภาพ การหาทางออกร่วมการอย่างสันติวิธี ผ่านกรอบความร่วมมือต่าง ๆ พร้อมสร้างความเข้าใจ และพัฒนาไปพร้อมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะใน 3 กรณีสำคัญที่ต้องมีการสื่อสารและชี้แจงอย่างเหมาะสม ดังนี้ 

  1. กรณีมาตรการภาษีของสหรัฐฯ 
  2. สถานการณ์การเมืองในเมียนมา 
  3. กรณีข้อพิพาทกับกัมพูชา เพื่อให้นานาประเทศทราบถึงพัฒนาการและเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินนโยบายของไทยต่อประเด็นดังกล่าว โดยนายกฯ เชื่อมั่นว่า การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee – JBC) ในวันพรุ่งนี้ จะมีส่วนทำให้เกิดความเข้าใจระหว่างสองประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้นายกฯ ได้มอบนโยบายการขับเคลื่อนการต่างประเทศของไทย 3 ทิศทางด้วยว่า 

1. การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) การทูตเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ไปอยู่ในจุดที่จะได้ประโยชน์สูงสุด ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางอำนาจและระเบียบโลกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้น นายกฯ เห็นว่าต้องมีการส่งเสริมเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเดิมที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร และการท่องเที่ยว 

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ต้องขยายตลาดในหมู่นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รวมถึงกลุ่มผู้เกษียณอายุและกลุ่ม digital nomads ที่เข้ามาอยู่แบบ long-stay

 

แพทองธาร มั่นใจเจรจา JBC ไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกัน

 

ขณะที่ในระยะยาว นายกรัฐมนตรีต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย ผ่านการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมเสริมสร้างความเชื่อมโยง โดยเฉพาะผ่านโครงการใหญ่ของรัฐบาล ทั้งโครงการแลนด์บริดจ์ โครงการสร้างสนามบินแห่งใหม่ทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ การยกระดับสนามบินทุกแห่ง ให้ทันสมัย 

รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ ตลอดจนเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTAs) ทั้งที่คั่งค้างอยู่และที่ไทยควรเปิดการเจรจาด้วย การ up-skill และ re-skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 

รัฐบาลมีการดำเนินโครงการ ODOS (One District One Scholarship) สนับสนุนทุนการศึกษาควบคู่ไปด้วย การส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงการเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อกำหนดกฎระเบียบทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก

2. การเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน ท่ามกลางบริบทโลกที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและกฎระเบียบครั้งใหญ่ โดยนายกฯ เห็นว่า ไทยควรขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจผ่านการใช้มุมมองด้านการต่างประเทศเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างยั่งยืน โดยเน้นที่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญในทุกมิติ เพื่อเข้าใจจุดแข็งและความท้าทาย 

พร้อมจับสัญญาณโลกอย่างถูกต้องและรู้เท่าทัน ซึ่งจะทำให้ไทยเลือกเดินกลยุทธ์ได้อย่างชาญฉลาด และได้รับผลประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 

ขณะเดียวกัน ไทยควรดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนชาวไทยเป็นหลัก ผ่านกลไกทวิภาคีและภูมิภาค และการพูดคุยด้วยมิตรไมตรีในทุกระดับ พร้อมทั้งทำความเข้าใจเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน อันเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างอำนาจต่อรองร่วมกันในบริบทโลกปัจจุบัน 

 

แพทองธาร มั่นใจเจรจา JBC ไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกัน

 

3. การทำงานเป็น “ทีมประเทศไทย” อย่างจริงจังและจริงใจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน โดยนายกฯ เห็นว่า การดำเนินงานด้านการทูตหรือการต่างประเทศในบริบทโลกปัจจุบันมีหลายมิติและไม่ได้จำกัดอยู่ในมิติการดำเนินงานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ทำให้การขับเคลื่อนการทูตเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้นายกฯ ในฐานะผู้นำทีมประเทศไทย ต้องการให้กลไกทีมประเทศไทยเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การต่างประเทศ โดยรัฐบาลมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมประเทศไทย ด้วยการชี้เป้าหมายที่ชัดเจน และปลดล็อกเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว สามารถนำพาประเทศก้าวข้ามสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน ไปยืนในตำแหน่งที่สง่างามและได้ประโยชน์สูงสุดภายใต้บริบทโลกใหม่

“ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในฐานะหัวหน้าทีม นำทีมประเทศไทยในด่านหน้าทั่วโลกดำเนินการตาม Action Plan ที่ได้ร่วมกันจัดทำในการประชุมครั้งนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป” นายกฯ ระบุ